35 Most Common Flat Earth Questions Answered in 35 Minutes
https://www.youtube.com/watch?v=VaonmDdVWaY
https://www.youtube.com/watch?v=VaonmDdVWaY
ข้อ 1) โลกแบนมีลักษณะอย่างไร? (นาทีที่ 0:15)
โมเดลโลกแบนมีลักษณะแบบเดียวกับแผนที่ที่เรียกว่า Azimuthal Equidistant ที่ USGS (U.S. Geological Survey - องค์กรสำรวจทางธรณีวิทยา ของสหรัฐอเมริกา) ใช้ และมีลักษณะเดียวกับแผนที่โลกในโลโก้ของ UN นอกจากนั้นยังมีแผนที่โลกของ Alexander Gleason ที่ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นชาร์ตสำหรับการคำนวณเวลาได้ทั่วโลก ในโมเดลโลกแบนทิศเหนืออยู่ตรงกลาง ส่วนแอนตาร์คติกาคือขอบน้ำแข็งล้อมรอบมหาสมุทรต่าง ๆ ไว้ Mercrater map ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1569 ก็มีลักษณะแบบเดียวกับแผนที่โลกแบนที่แสดงให้เห็นภูเขาแม่เหล็ก (magnetic mountain) อยู่ตรงกลางของอาร์คติกและมีแผ่นดิน 4 ผืนล้อมรอบอยู่ ลักษณะของโลกในอารยธรรมโบราณก็แสดงภาพของโลกในลักษณะเดียวกับโลกแบนแผนที่โลกแบนมีลักษณะแบบเดียวกับแผนที่โลกที่เรียกว่า Azimuthal Equidistant
แผนที่โลกแบนที่ Alexander Gleason ใช้ประดิษฐ์ time chart และจดสิทธิบัตรไว้ตั้งแต่ปี 1892
แผนที่โลกแบนก็ใช้เป็นแผนที่บอกเส้นทางการบินได้เรียกว่า Air Age Map
#บทความเพิ่มเติม
21) ต้นกำเนิดแผนที่แบบ Azimuthal Equidistant (AE) ของ Giovanni Domenico Cassini
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/07/blog-post.html
29) แผนที่โลกแบนของ Alexander Gleason ปี 1893
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/12/29-alexander-gleason-1893.html
32) Map Projections - A Working Manual (U.S. Geological Survey Professional Paper 1395
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/01/32-map-projections-working-manual-us.html
51) Planisphere อุปกรณ์ดูดาวที่ประดิษฐ์ขึ้นจากโมเดลโลกแบน
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/51-planisphere.html
ข้อ 2) ขอบโลกอยู่ไหน? (นาทีที่ 1:09)
คนส่วนใหญ่มักถามว่า "ถ้าโลกแบนแล้วขอบโลกอยู่ตรงไหน?" ภาพโลกที่มีขอบโลกแล้วเรือกำลังจะตกเป็นภาพที่คนส่วนมักจะจินตนาการไว้ แต่ที่จริงในโมเดลโลกแบนไม่มีขอบโลกเพราะแอนตาร์คติกาคือขอบน้ำแข็งที่กั้นน้ำจากมหาสมุทรไว้ และมักจะมีคนท้าให้พิสูจน์ขอบน้ำแข็งที่ว่าด้วยการบอกให้ชาวโลกแบนบินไปถ่ายรูปมาให้ดูโดยที่พวกเขาไม่เคยศึกษาข้อมูลก่อนว่าเป็นเวลากว่า 50 ปีมาแล้วที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการลงนามในสนธิสัญญา Antarctica Treaty ห้ามไม่ให้มีใครผ่านเส้นละติจูดที่ 60 องศาใต้โดยไม่ขออนุญาตก่อน ส่วนบริษัททัวร์ที่มีการจัดทริปไปเที่ยวขั้วโลกใต้ก็ไปได้แค่บริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น เคยมีนักสำรวจที่เข้าพื้นที่แอนตาร์คติกาโดยไม่ขออนุญาตเขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงซากเรือที่ถูกพัดอยู่ในทะเล เราจะได้เห็นภาพภูเขาน้ำแข็งที่สูงชันอยู่บ้างทั้งภาพนิ่งและภาพมุมสูง
Antarctica's Ice Walls - Amazing footage - Must Watch.
Arctic Trucks Exploration: Icebreaker Ship Arrival
https://www.youtube.com/watch?v=NVAaiMMXe1M
https://www.youtube.com/watch?v=NVAaiMMXe1M
#บทความเพิ่มเติม
42) ตอบคำถามเรื่อง Antarctica
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/05/42-antarctica.html
46) แหล่งทรัพยากรแร่ธาตุใน Antarctica
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/07/antarctica-antarctica-1.html
ข้อ 3) ดวงอาทิตย์ในโมเดลโลกแบนอยู่ตรงไหน? (นาทีที่ 2:07)
ดวงอาทิตย์ในโมเดลโลกแบนโคจรวนรอบโลกตามเข็มนาฬิกา ภาพที่เราเห็นดวงอาทิตย์หายลับไปที่ขอบฟ้าไม่ใช่ดวงอาทิตย์ตกแบบที่เราเข้าใจ แต่เป็นการเห็นภาพแบบ perspective ที่จะมีจุด vanishing point ทำให้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ หายลับตาไป ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าดวงอาทิตย์มีขนาดเล็กลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ค่อย ๆ ลอยห่างออกไปจนเรามองไม่เห็น ในโมเดลโลกกลมบอกว่าดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลก 93 ล้านไมล์ (ประมาณ 149,668,992,000 กม.) แต่ที่ตาเราเห็นคือดวงอาทิตย์มีขนาดเล็กและอยู่ใกล้โลกมาก แสงจากดวงอาทิตย์ให้ความสว่างเพียงแค่ครึ่งนึงของพื้นที่ของโลก แม้ว่าจะมีข้อโต้เถียงกันมากเกี่ยวกับดวงอาทิตย์แต่มีอยู่อย่างนึงที่เราทุกคนเห็นเหมือนกันคือดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ไม่ใช่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์#บทความเพิ่มเติม
49) เรื่องของดวงอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า กฎ perspective และจุดรวมสายตา (vanishing point)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/49-perspective-vanishing-point.html
52) การโคจรของดวงอาทิตย์และการเกิดฤดูกาลในโมเดลโลกแบน
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/52_28.html
38) สุริยุปราคาและจันทรุปราคาในโมเดลโลกแบน
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/04/38.html
36) ตอบคำถามจากใน inbox 'ทำไมโลกต้องแบนเป็นรูปวงกลม' (20 มี.ค. 2562)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/04/36-inbox-20-2562.html
ข้อที่ 4) แล้วเรื่องที่ว่าท้องเรือหายไปตรงเส้นขอบฟ้าล่ะ? (นาทีที่ 3:02)
ที่จริงแล้วเรือไม่ได้จมหายไป ณ เส้นขอบฟ้า แต่เป็นเพราะข้อจำกัดของตามนุษย์ที่เรามองเห็นภาพแบบ perspective และมีจุดรวมสายตา (ที่เรียกว่า vanishing point) ทำให้เรามองเห็นเรือค่อย ๆ หายไป ข้อโต้แย้งที่ว่าเรือหายไป ณ เส้นขอบฟ้านั้นสามารถพิสูจน์ได้ง่ายมากด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลหรือกล้องถ่ายภาพซูมเข้าไป เราก็จะเห็นภาพเรือกำลังวิ่งตรงไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าโลกกลมจริงเราต้องไม่สามารถซูมเห็นภาพเรือกลับมาได้อีกเพราะเรือต้องถูกโค้งลงไปตามความโค้งของโลกจนเราไม่สามารถซูมภาพกลับมาได้ การที่เรือหายไปและถูกซูมกลับมาใหม่ได้ก็พิสูจน์ได้ว่าเราเห็นภาพแบบนั้นเป็นเพราะข้อจำกัดของตาเรา (รวมทั้งเลนส์กล้อง) ซึ่งเป็นไปตามกฎ perspective ไม่ใช่เพราะความโค้งของโลก#บทความเพิ่มเติม
49) เรื่องของดวงอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า กฎ perspective และจุดรวมสายตา (vanishing point)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/49-perspective-vanishing-point.html
ข้อที่ 5) หากโลกแบนจริงทำไมเราไม่สามารถมองข้ามมหาสมุทรได้? (นาทีที่ 3:47)
การที่โลกมีลักษณะแบนไม่ได้หมายความว่าสายตาของเราจะมองเห็นได้ไม่มีที่สิ้นสุด สายตามนุษย์มองเห็นได้ในระยะทางจำกัดแม้ว่าจะเป็นในวันที่มีสภาพอากาศโปร่งก็ตาม และยิ่งมองได้ไกลน้อยลงในวันที่มีเมฆหมอกมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมองเห็นข้ามมหาสมุทรได้เพราะเป็นไปตามกฎ perspective ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความโค้งของโลกข้อที่ 6) แล้วการสำรวจรอบโลกเป็นไปได้อย่างไรในโลกแบน? (นาทีที่ 4:22)
ในโมเดลโลกแบนการสำรวจรอบโลกก็หมายถึงการเดินทางวนรอบโลกจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ถ้าวนไปจนครบรอบก็จะมาอยู่ที่จุดเดิม เช่นเดียวกันกับเดินทางวนจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก เฟอร์ดินาน แมคเจลแลนเป็นคนแรกที่เดินทางวนรอบโลกก็ล่องเรือจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก แต่การเดินทางในลักษณะนี้ก็เป็นไปได้ทั้งในโมเดลโลกกลมและโลกแบน
Circumnavigating a FLAT EARTH for Dummies
Mirrored from Terra Plana
#บทความเพิ่มเติม
36) ตอบคำถามจากใน inbox 'ทำไมโลกต้องแบนเป็นรูปวงกลม' (20 มี.ค. 2562)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/04/36-inbox-20-2562.html
43) Dr. Auguste Piccard นักวิทยาศาสตร์ผู้กล่าวว่าโลกแบน
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/05/43-dr-auguste-piccard-stratposphere-1931.html
ข้อที่ 7) แล้วการดิ่งพสุธาของ Felix Baumgartner ในโปรเจ็คของ Red Bull ล่ะ? (นาทีที่ 4:57)
การดิ่งพสุธาที่จัดขึ้นโดย Red Bull ในปี 2012 นั้น Felix Baumgartner นักดิ่งพสุธาชาวออสเตรียกระโดดลงมาจากอวกาศในชั้น startosphere จากความสูงถึง 128,000 ฟุต (ประมาณ 39 กิโลเมตร) ซึ่งคุณจะมองเห็นได้ว่ากล้องที่ถ่ายภาพด้านนอกยานนั้นใช้เลนส์มุมกว้าง (หรือที่เรียกว่า fisheye lens - เลนส์ตาปลา) ในขณะที่ภาพถ่ายจากด้านในใช้เลนส์ปกติ จะพูดอีกแบบหนึ่งก็คือภาพถ่ายด้านนอกยานจะมองเห็นว่าโลกมีความโค้ง แต่ภาพจากด้านในแสดงให้เห็นว่าโลกมีลักษณะแบน มันยังไม่ใช่แค่นั้น Felix กระโดดลงมาจากบริเวณประเทศเม็กซิโก ซึ่งเราจะเห็นว่าโลกกลมที่อยู่ในภาพนั้นคือแผ่นดินของประเทศเม็กซิโกที่ใหญ่มากกินพื้นที่ไปเกือบเต็มโลกทั้งใบ ทำให้เห็นชัดว่ามันเป็นภาพที่ถ่ายด้วยการใช้เลนส์มุมกว้าง (กล้อง GoPro ใช้เลนส์มุมกว้างทุกรุ่น) และอีกอย่างโลกก็ไม่เห็นจะหมุนเลยซักนิด (ดูภาพในคลิปนี้ดี ๆ จะเห็นชัดเลยว่าภาพโลกโค้งที่เห็นเป็นเพราะเลนส์)
Red Bull Stratos FULL POV | Felix Baumgartner's Stratosphere Jump
Effect of Fisheye Lens
ข้อที่ 8) แล้วมีอะไรอยู่ใต้โลกแบน? (นาทีที่ 5:45)
คำถามนี้คงไม่มีใครตอบได้เพราะไม่มีใครรู้ว่าข้างใต้โลกมีอะไร มนุษย์สามารถขุดลงไปได้ลึกที่สุดเพียงแค่ 8 ไมล์ (12 กม.) แม้แต่ชาวโลกกลมเองก็ไม่รู้ว่าข้างในโลกมีอะไร เวลาคนจินตนาการภาพโลกแบนมักจะคิดว่าโลกแบนเป็นแผ่นดิสก์ลอยอยู่ในอวกาศ แต่ที่จริงข้อมูลเรื่องอวกาศทั้งหมดช่างไม่สมเหตุสมผลด้วยทฤษฎีต่าง ๆ ของโลกกลม ในทุกอารยธรรมบนโลกให้ข้อมูลว่าโลกมีลักษณะแบนและมีแกนยึดอยู่ อย่างไรก็ตามเราก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าข้างใต้โลกนั้นมีอะไรหลุมที่ถูกขุดลึกที่สุดในโลกชื่อว่า Superdeep Borehole อยู่ในรัสเซีย มีความลึกประมาณ 12 กม. และจุดที่มนุษย์สามารถลงไปลึกที่สุดใต้น้ำคือที่บริเวณร่องลึกมาเรียน่า ก็มีความลึกประมาณ 10.99 กม.เท่านั้นเอง (อ่านข้อมูลเพิ่มจากในลิงค์ด้านล่างได้)
The Deepest Hole in the World, And What We've Learned From It
https://youtu.be/zz6v6OfoQvs
https://youtu.be/zz6v6OfoQvs
#บทความเพิ่มเติม
54) ข้างใต้โลกแบนมีอะไร? อีกด้านนึงของโลกคืออะไร?
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/09/54.html
ข้อที่ 9) แล้วโลกแบนเคลื่อนที่ไหม? (นาทีที่ 6:29)
ในโมเดลโลกแบนโลกไม่มีการเคลื่อนที่ โลกแบนอยู่นิ่งไม่หมุน แต่ที่เคลื่อนที่ก็คือดวงดาว (เทห์ฟ้า) ทั้งหมด รวมทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรวนรอบโลก ไม่มีใครบนโลกสามารถรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนที่ใด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากเพราะวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ต่างบอกว่าโลกหมุนรอบตัวเอง 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (1,609.34 กม./ชม.) และหมุนรอบดวงอาทิตย์อีก 67,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (107,826.048 กม./ชม.) และระบบสุริยะทั้งหมดกำลังเคลื่อนที่ไปในอวกาศอีก 500,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (804,672 กม./ชม.) ไปในใจกลางของทางช้างเผือก และยังพุ่งไปในจักรวาลอีก 670 ล้านไมล์ต่อชั่วโมง (1,078,260,480 กม./ชม.) แต่เราไม่เคยรู้สึกอะไรเลย
The helical model - our solar system is a vortex
ข้อ 10) แล้วดาวเทียม สถานีอวกาศ ISS และกล้องฮับเบิลล่ะ? (นาทีที่ 7:23)
มันอาจจะดูบ้าที่จะบอกว่าดาวเทียมไม่มีอยู่จริง NASA บอกว่าเรามีดาวเทียม สถานีอวกาศ ISS และกล้องถ่ายภาพฮับเบิลลอยอยู่ในอวกาศซึ่งใช้ส่งสัญญาณภาพและวิดีโอกลับมายังโลก พวกเราทุกคนต่างก็เชื่อตามที่นาซ่าบอก แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดซึ่งเราสามารถพิสูจน์ได้ง่าย ๆ เพราะภาพทุกภาพที่เราเห็นทำมาจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิกทั้งหมด ลองคิดดูซิว่าถ้าเรามีดาวเทียมลอยอยู่รอบโลกเป็นหมื่น ๆ ดวงอยู่ตอนนี้ ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นดาวเทียมลอยผ่านหน้าดวงจันทร์เลย (แต่ก็มีคนถ่ายภาพสถานีอวกาศ ISS มาได้ แต่ทำไมมีแค่ ISS ทั้งที่บอกว่ามีดาวเทียมลอยอยู่เยอะมาก) ความคิดเกี่ยวกับดาวเทียมถูกคิดขึ้นมาโดยนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่เป็นสมาชิกฟรีเมสันชื่อว่า Arthur C. Clarke เขาเขียนแนวคิดนี้ลงในนิตยสาร Wireless World Radio and Electronics เมื่อปี 1945แต่ข้อมูลจริงก็คือเรามีสายเคเบิลใต้น้ำที่ส่งข้อมูลเพื่อการสื่อสารกว่า 90% ข้ามมหาสมุทรไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งหมายรวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ของทั้งโลก ส่วน GPS ใช้ระบบการส่งสัญญาณจากเสาสูงหรือตึกสูง ส่วนการส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมก็หันจานไปด้วยมุม 45 องศาไปยังอาคารหรือเสาสูงที่ส่งสัญญาณมาให้ นาซ่าถูกจับได้หลายครั้งว่ามีการใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการถ่ายภาพจาก ISS ทั้งการใช้เทคนิคการถ่ายวิดีโอบน green screen การใช้สายสลิงยึดตัวนักบินอวกาศไว้เพื่อหลอกว่ากำลังอยู่ในอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง ทั้งยังมีฟองอากาศลอยออกมาจากชุดนักบินอวกาศก็หลายครั้ง ซึ่งนาซ่าเองก็ยอมรับว่ามีการฝึกนักบินอวกาศใต้น้ำจริง
จากคลิปนี้อธิบายว่าสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตมาจากเคเบิลใต้ท้องทะเลไม่ใช่จากดาวเทียม Ninety five of all telephone and data is transferred from the submarine cable. Not satellite!! 95% ของสัญญาณโทรศัพท์และการส่งข้อมูลดาต้ามาจากสายเคเบิลใต้ทะเล ไม่ใช่จากดาวเทียม
Inside the installation of new undersea transatlantic cable
Sir Arthur C. Clarke เป็นนักเขียนนิยายแนว Sci-fi ที่ดังมากในอังกฤษ และนิยายเรื่อง 2001: A Space Odyssey ได้ถูกเอามาทำเป็นภาพยนตร์ที่มี Stanley Kubrick เป็นผู้กำกับ และมันถูกฉายในปี 1968 หนึ่งปีก่อน Apollo 11 ไปเยือนดวงจันทร์ ภาพสุดท้ายเป็นภาพของ Arthur และผู้กำกับ Stanley พร้อมกับนักบินอวกาศและเจ้าหน้าที่จาก NASA ถ่ายในอังกฤษประมาณปี 1965
Glitch City Blues - I.S.S - Fake Space
NASA- More Blunders - Astronaut falls from ceiling (ญี่ปุ่น)
NASA - China Faking Zero Gravity & Space. New (จีน)
NASA DUTCH ASTRONAUT ISS SCREW DROP FAILURE GRAVITY AT WORK
(นักบินอวกาศชาวดัทช์ทำน็อตหล่น)
https://www.youtube.com/watch?v=B-dNCJXTye0
https://www.youtube.com/watch?v=B-dNCJXTye0
แรงดึงดูดเริ่มทำงานกี่โมง?
Drinking in ZERO-G! (and other challenges of a trip to Mars)
#บทความเพิ่มเติม
19) ว่าด้วยเรื่องระบบการบิน การเดินเรือ และการใช้อุปกรณ์ GPS, เรดาร์, ไจโรสโคป และดาวเทียม (GPS, RADAR, Gyroscope, and Satellites)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/06/19-gps-gps-radar-gyroscope-and.html
50) ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง GPS และคุณสมบัติของคลื่นวิทยุที่จะช่วยยืนยันได้ว่าโลกแบน
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/50-gps.html
53) ทำไมชาวโลกแบนถึงคิดว่าอวกาศเป็นเรื่องหลอกลวงและดาวเทียมไม่มีจริง https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/08/53.html
6) มนุษย์เราสามารถอาศัยอยู่ในอวกาศได้จริงหรือ??? Can we live in space?
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/can-we-live-in-space.html
2) ความไม่สมบูรณ์ของทฤษฎีไอน์สไตน์ (Imperfection of Einstein's Theory of Relativity)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2017/12/blog-post.html
3) โครงการ Apollo ได้พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์จริงหรือไม่ (ตอนที่ 1)
What Happened on the Moon? - An Investigation Into Apollo (2000)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/3-apollo.html
4) โครงการ Apollo ได้พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์จริงหรือไม่ (ตอนที่ 2)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/4-apollo-2.html
7) เหตุการณ์โศกนาฎกรรมชาเลนเจอร์เมื่อปี 1986 ของจริงหรือของปลอม?? (ตอนที่ 1)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/1986-challenger-disaster-1986.html
8) เหตุการณ์โศกนาฎกรรมชาเลนเจอร์เมื่อปี 1986 ของจริงหรือของปลอม?? (ตอนที่ 2)
https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/8-1986-2.html
-------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 2) ข้อที่ 11 - 20
ตอนที่ 3) ข้อที่ 21 - 30
ตอนที่ 4) ข้อที่ 31 - 35