วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

17) ว่าด้วยเรื่องจักรวาลของระบบสุริยะของโลกกลม

1) การเคลื่อนที่ของโลก (Motion)

ตามทฤษฎีของระบบสุริยะการเคลื่อนที่ของโลกมี 3 เงื่อนไข 1) หมุนรอบตัวเอง 2) หมุนรอบดวงอาทิตย์ อันที่ 3 นี่สำคัญสุด คือ เคลื่อนที่ไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ด้วยความเร็ว 220 กม./วินาที (792,000 กม./ชม.) ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้จึงมีข้อมูลหลายอย่างที่ขัดแย้งกันและไม่เป็นไปตามทฤษฎีของระบบสุริยะ เช่น

1. โลกและดวงอาทิตย์ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สัมพันธ์กัน ดังนั้นดาวเทียมที่โคจรรอบโลกก็ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 792,000 กม./ชม. เช่นเดียวกันถึงจะสามารถถ่ายภาพโลกที่อยู่นิ่งๆ ได้ หรือไม่ก็ต้องติดกล้องที่มีเทคโนโลยีระดับเทพมาก ๆ ที่จะสามารถจับภาพโลกที่เร็วขนาด 220 กม./วินาทีได้โดยที่ภาพไม่เบลอ


2. หากโลกและดวงดาวทั้งหมดในระบบสุริยะเคลื่อนที่ตามดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วขนาดนั้น ภาพ time-lapse ของดวงดาวในโมเดลโลกกลมน่าจะเป็นแบบภาพด้านขวามือ แต่ตามข้อมูลของ Geocentric อธิบายไว้ว่าโลกอยู่นิ่งอยู่กับที่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวเคลื่อนที่ไปรอบโลกของเราตามความโค้งของทรงกลมฟ้า (Celestial sphere) ที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้ง (arc) ซึ่งวิชาดาราศาสตร์โบราณก็ใช้โมเดล Geocentric นี้บันทึกการเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเป็นพัน ๆ ปี ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือดาวเหนือจะไม่เคลื่อนที่และอยู่ที่จุดเดิมเสมอ



3. ในการถ่ายทอดสดของ Starman กับรถ Roadster ที่ถูกส่งไปกับจรวด Heavy Falcon เมื่อเดือนก.พ.ที่่ผ่านมา มีใครเห็นโลกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วขนาดนั้นบ้างไหม??
Live Views of Starman
https://www.youtube.com/watch?v=aBr2kKAHN6M


4. ในภาพถ่ายทอดสดของ Space X นี้มีใครเห็นดาวเทียมหรือขยะอวกาศที่ NASA รายงานว่ามีเยอะมากบ้าง??



5. อย่างที่บอกว่าน้ำจะไม่สามารถยึดเกาะวัสดุที่มีความโค้งได้ แต่มีแรงมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าสามารถทำให้น้ำทะเลยึดติดกับผิวโลกขณะที่โลกหมุนได้ แต่แรงมหัศจรรย์ที่ว่ากลับไม่มีอิทธิพลกับน้ำในผ้าเปียกเวลาเราปั่นผ้าซะงั้น!!


ก็น่าสงสัยว่าทำไมน้ำที่ล้อมรอบโมเดลโลกกลมตอนที่โลกหมุนมีปฏิกริยาแตกต่างจากน้ำในการทดลองอื่น ๆ น้ำเวลาถูกหมุนมันจะมีแรงที่เรียกว่า centrifugal force (แรงหนีศูนย์กลาง) คือน้ำมันจะเหวี่ยงออกไปติดอยู่รอบ ๆ ขอบของภาชนะ ซึ่งเราเข้าใจได้เพราะมันคือธรรมชาติของน้ำอย่างที่เราเห็นเวลาปั่นผ้า น้ำกระเซ็นออกผ้าก็แห้ง ส่วนผ้าก็กระเด็นไปติดขอบถัง อันนี้คือตัวอย่างการทดลองที่ทำให้เห็นภาพ

Centrifugal Force on Rotating Water Container

แต่ในวิชาฟิสิกส์บอกว่าไม่มีแรงหนีศูนย์กลาง แต่มีแรงสู่ศูนย์กลางที่เรียกว่า centripetal force


6. คำอธิบายเกี่ยวกับการทดลองทั้ง 5 ครั้งที่พยายามพิสูจน์ว่าโลกเคลื่อนที่แต่ก็ไม่สำเร็จ
5 Famous Scientific Experiments Prove a Stationary Earth


2) ความโค้งของโลก (Curvature)

1. ถ้าหากพื้นน้ำสามารถโค้งได้ตามความโค้งของโลกกลมเราก็น่าจะได้เห็นภาพสะท้อนบนผิวน้ำที่เป็นภาพโค้ง ๆ แบบรูปด้านบนนะ แต่ทุกครั้งที่เราเห็นภาพสะท้อนของท้องฟ้าบนผิวน้ำก็ดูราบเรียบยังกับสะท้อนกับกระจก


2. น้ำเป็นตัวบอกความแบนราบของโลกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาน้ำกลายเป็นน้ำแข็งก็จะแบนราบเท่ากันทั้งหมด อย่างเช่น ทะเลสาป Baikal ในรัสเซียเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่มากมีความยาว 395 ไมล์ กว้าง 12 - 50 ไมล์ (ความยาวเท่ากับ 635.691 กม. กว้าง 19.3121 - 80.4672 กม.) ถ้าคำนวณตามความโค้งของผิวโลกแล้วจะเท่ากับ 19.70 ไมล์ หรือ 31.70408 กม.


Skating Lake Baikal, the world's deepest lake - BBC News
https://www.youtube.com/watch?v=Iv7n6QEIHIw

Incredible Lake Baikal Overview
https://www.youtube.com/watch?v=sf9pfm4gSII


3. แม่น้ำไนล์มีความยาวกว่า 4,000 ไมล์ (6,437.376 กม.) ไหลจากทิศใต้ขึ้นไปทิศเหนือ ถ้าโลกกลมแม่น้ำไนล์ต้องไหลย้อนขึ้นไปตามความโค้งของโลกเป็นระยะทางกว่า 2,685.894 กม.









3) ว่าด้วยเรื่องตัวเลขของ ขนาด ระยะทาง และรูปทรง (Size Distance and Shape)

1. ระบบสุริยะให้ข้อมูลขนาดของดวงอาทิตย์ โลก และดาวอื่น ๆ ไว้ประมาณนี้

ในภาพด้านบนจะเห็นว่าขนาดของดวงอาทิตย์ใหญ่มาก และโลกมีขนาดเล็กนิดเดียว


เปรียบเทียบขนาดของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

โลกจะมีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์ประมาณ 4 เท่า


2. คุณคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลกเป็น 400 เท่า ของระยะทางจากโลกกับดวงจันทร์ และดวงจันทร์มีขนาดเล็กเป็น 400 เท่าของดวงอาทิตย์ เวลามองด้วยตาเปล่าเราจึงเห็นว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มีขนาดใกล้เคียงกัน นอกจากนั้นดวงจันทร์ก็ยังโคจรรอบโลกโดยที่หันด้านเดียวมาทางโลกตลอดเวลา แล้วทำไมเราไม่เคยเห็นอีกด้านนึงของดวงจันทร์เลย




3. แต่ในภาพถ่ายของโลกจากโครงการ Apollo 8 ในปี 1968 ที่มีชื่อว่า Earthrise กลับเห็นโลกเล็กกว่าดวงจันทร์หลายเท่า



4. แต่พอ NASA ทำภาพ animation ที่แสดงให้เห็นการหมุนของดวงจันทร์รอบโลก กลับเห็นโลกใหญ่กว่าดวงจันทร์เยอะมาก

EPIC View of Moon Transiting the Earth


5. แต่สำหรับโมเดลโลกแบนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไม่ได้มีขนาดแตกต่างกัน ทั้งคู่มีขนาดเล็กกว่าโลกและอยู่ใกล้โลกมาก มีวงโคจรหมุนเป็นวงกลมขนานกับพื้นโลก



6. บางคนอาจจะเคยมีประสบการณ์นั่งเครื่องบินแล้วเห็นดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์อยู่ใกล้กันมากแบบนี้

pilot sees the sun and the moon show up together
https://www.youtube.com/watch?v=_wGS72xhPU4


7. ภาพซูมดวงจันทร์ด้วยกล้อง Nikon Coolpix P900 ก็น่าแปลกที่กล้องราคาสองหมื่นสามารถซูมภาพดวงจันทร์ที่อยู่ไกลตั้ง 384,403 กม. ได้ชัดมาก ๆ

P900 zoom test moon, mars and Saturn!
https://www.youtube.com/watch?v=Clg7rQB6H2U&t=4s


8. เราถูกสอนกันมาว่าดวงจันทร์ได้รับแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ แต่เวลาวัตถุทรงกลมสะท้อนแสงจะมีจุด highlight ที่สว่างกว่าจุดอื่น ซึ่งเวลาเรามองดวงจันทร์ก็จะเห็นแสงสีนวล ๆ เท่ากันทั้งดวง

โมเดลโลกแบนเชื่อว่าดวงจันทร์มีแสงในตัวเองถึงจะทำให้เราเห็นแสงจากดวงจันทร์แบบนี้ได้


นอกจากนั้นแสงจากดวงจันทร์มีคุณสมบัติแตกต่างกันกับแสงจากดวงอาทิตย์ด้วยการทดสอบง่าย ๆ
จากการวัดอุณหภูมิบริเวณที่อยู่ใต้แสงจันทร์กับบริเวณที่ไม่ได้อยู่ใต้แสงจันทร์

Moonlight Temperature Test
https://www.youtube.com/watch?v=gRfUFt44hFw

อุณหภูมิพื้นที่ที่อยู่ใต้แสงจันทร์จะเย็นกว่า ซึ่งหมายความว่าแสงจากดวงจันทร์ไม่ใช่แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์


9. เงาสะท้อนจากดวงอาทิตย์เกิดเป็นจุด hotspot บ่งบอกว่าตำแหน่งของดวงอาทิตย์ไม่ได้อยู่ไกลขนาด 93,000,000 ไมล์ (150 ล้านกิโลเมตร) ตามที่เราถูกสอนมา



10. เงาสะท้อนบนผืนน้ำเป็นแนวตรงยาวตาม perspective บ่งบอกว่าพื้นผิวที่สะท้อนแสงนี้ราบเรียบไม่มีความโค้ง

Flat Earth - Sunlight on Water...
https://www.youtube.com/watch?v=JgpKbr1Z6So

-------------------------------- เรื่องของดวงจันทร์ยังมีอีกเยอะ เดี๋ยวไว้มาเล่าต่อ --------------------------------

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

16) โลกกลมที่ขัดแย้งกับสามัญสำนึก

ในทฤษฎีโลกแบนมันมีความแปลกและไม่น่าเชื่อถือเพราะข้อมูลมันขัดแย้งกับความเชื่อเดิมที่เราถูกยัดเยียดข้อมูลมาอย่างยาวนานจนเกิดเป็นภาพจำ (mindset) เราถูกตีกรอบทางความคิดว่าสิ่งที่เห็นจากภาพสื่อต่าง ๆ เป็นของจริง แต่อย่างหนึ่งที่ต้องตระหนักอยู่เสมอคือไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่สอนกันในโรงเรียน ข้อมูลที่อยู่ในหนังสือ หรือแม้แต่ภาพถ่ายทอดสด ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ถูกปรุงแต่งได้ทั้งนั้น (manipulate) และมันคือกระบวนการโปรแกรมความคิด (mind control) จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เราเชื่อว่านั่นคือเรื่องจริง

ในปี 1969 มีการถ่ายทอดสดประธานาธิบดีนิกซันโทรศัพท์คุยกับนักบินอวกาศบนดวงจันทร์
ที่อยู่ห่างออกไปกว่าสามแสนกิโลได้



แต่ในยุคปัจจุบันเรามักเจอปัญหามือถือไม่ค่อยมีสัญญาณเวลาออกนอกเมืองหรืออยู่ชายทะเล

เป้าหมายการทำสื่อของ NASA เน้นการให้ข้อมูลสำหรับเด็ก ทำไมล่ะ?? ก็เพราะเป็นช่วงอายุที่สามารถถูกโปรแกรมความคิดที่ได้ผลที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดู ๆ ไปก็ตลกดีที่นักบินอวกาศต้องมาโชว์การแปรงฟัน สระผมให้ดู ตีลังกาม้วนตัว โชว์กินอาหาร เหมือนว่าพวกเขาว่างงานมาก คิดว่างานบนสถานีอวกาศคงไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ละมั้ง

Karen Nyberg Shows How You Wash Hair in Space
https://www.youtube.com/watch?v=uIjNfZbUYu8&t=89s

บิดผ้าขนหนูที่เปียกชุ่มน้ำให้ดู อันนี้ก็สงสัยว่าสายไฟ แผงวงจร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ด้านหลังนี่โดนน้ำได้เหรอ

เราทุกคนถูกยัดเยียดข้อมูลพวกนี้ใส่สมองตั้งแต่เด็กก่อนที่เราจะสามารถคิดอะไรเองได้ ส่วนใหญ่ก็เชื่ออย่างสนิทใจ จะมีซักกี่คนที่สงสัยและพยายามหาทางพิสูจน์ด้วยตัวเองว่ามันจริงหรือไม่จริง แล้วถ้าสังเกตดี ๆ ข้อมูลจะถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก ๆ จากหลายสื่อ หลากหลายวิธี เพื่อทำให้เกิดความเคยชิน สร้างภาพลวงตาไปเรื่อย ๆ จนเราลืมใช้สามัญสำนึกในการวิเคราะห์ ลืมการใช้ตรรกะและเหตุผลของตัวเองไปหมด ทั้งที่มีความผิดปกติอย่างชัดเจนก็ยังไม่สามารถพิจารณาข้อมูลใหม่ได้ มีความรู้สึกสับสนจากข้อมูลใหม่ที่ขัดแย้งกับข้อมูลเก่าที่ตนเองเคยรับรู้มา



การสอนเรื่องระบบสุริยะในโรงเรียนในยุคอดีต

ในทางจิตวิทยามีคำอธิบายว่าเป็นอาการ Cognitive Dissonance เป็นความไม่ลงรอยกันระหว่างข้อมูลใหม่กับข้อมูลเก่า และจะเลือกรับรู้และสนใจเฉพาะข้อมูลที่เป็นบวกหรือสอดคล้องกับความคิดของตนเอง แต่ละเลยหรือไม่สนใจข้อมูลที่เป็นลบหรือขัดแย้งกับความคิดของตนเอง ทั้งที่การจะตัดสินอะไรเราก็ควรแน่ใจว่าเราให้น้ำหนักข้อมูลทั้งสองฝั่งเท่ากันแล้ว ไม่เอียงข้าง ไม่มีอคติ ถึงจะเรียกว่าเป็นความ "ยุติธรรม" ใช่ไหม? เพราะความหมายของคำว่า "ยุติ+ธรรม" คือจบหรือสิ้นสุดด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องไหม??



ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่าในทฤษฎีโลกกลมมีอะไรบ้างที่มันแปลก ๆ ตามโมเดล Heliocentric ในปัจจุบันที่วิชาดาราศาสตร์อธิบายไว้คือในระบบสุริยะที่โลกเราอยู่นี้มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง นอกจากโลกจะหมุนรอบตัวเอง (1,670 กม./ชม.) และหมุนรอบดวงอาทิตย์ (108,000 กม./ชม.) แล้วดวงอาทิตย์ไม่ได้อยู่นิ่งอยู่กับที่แต่โคจรไปรอบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกด้วยความเร็ว 220 กม./วินาที การเคลื่อนที่ของโลกและดวงอาทิตย์ต้องสัมพันธ์กันจึงแปลว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าไหร่ โลกก็ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากัน ซึ่งคำนวณแล้วโลกต้องเคลื่อนที่ตามดวงอาทิตย์ด้วยความเร็ว 792,000 กม./ชม. 



สำหรับคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์มักจะพูดว่าเพราะขนาดของโลกใหญ่มากเราจึงไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนที่นั้น ซึ่งเป็นเพียงแค่ข้อมูลที่พูดต่อ ๆ กันมา โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์ก่อนจะเชื่ออะไรเราต้องพิสูจน์ก่อน และปัจจุบันนี้ยังไม่มีการทดลองใดที่พิสูจน์ได้ว่ามีการเคลื่อนที่ของโลกตามทฤษฎีของระบบสุริยะดังกล่าว


คำอธิบายโดยละเอียดของการทดลองแต่ละชิ้น

5 Famous Scientific Experiments Prove a Stationary Earth
https://www.youtube.com/watch?v=z7tIbwK0ulM&t=914s

สำหรับเรื่องการหมุนของโลกยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นนึงชื่อว่า Foucault Pendulum (ลูกตุ้มฟูโกต์) ที่มักถูกนำมาจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ เพื่อใช้แสดงให้เห็นถึงการหมุนรอบตัวเองของโลก ซึ่งเป็นการทดลองของเลอง ฟูโกต์ โดยใช้ลูกตุ้มหนัก 28 กิโลกรัมห้อยกับเส้นลวดยาว 67 เมตร ลงมาจากใต้โคมสูงในมหาวิหารแพนธีออนในกรุงปารีส
เลอง ฟูโกต์เป็นนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสที่ทำการทดลองนี้ในปี 1851


แต่สำหรับสมัยนี้ถ้าหากว่าลูกตุ้มฟูโกต์ใช้พิสูจน์ว่าโลกหมุนจริง เครนที่ใช้ในงานก่อสร้างก็คงมีปัญหาแน่ ๆ เพราะไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ตัวตะขอตรงปลายลวดสลิงคงจะแกว่งไม่หยุด และคนงานคงจะทำงานกันลำบากมากหากต้องคอยหลบเครนที่แกว่งไปมาตลอดเวลา


But what about the Foucault pendulum? Flat Earth.
https://www.youtube.com/watch?v=JlkeVHfAEfA


คำอธิบายจาก Eric Dubay

Flat Earth - Foucault's Pendulum
https://www.youtube.com/watch?v=Oicrld8JZcg

มีอีกเหตุผลหนึ่งที่หลายคนมักจะใช้เพื่ออธิบายเรื่องการเคลื่อนที่ของโลกเปรียบเหมือนกับว่าเรานั่งอยู่ในเครื่องบิน ซึ่งเราจะไม่รู้สึกถึงความเร็วของการเคลื่อนที่นั้น แต่ที่จริงเราอาศัยอยู่ด้านบนของเปลือกโลกโดยไม่มีวัตถุใดมาห่อหุ้มอยู่นอกจากชั้นบรรยากาศ ถ้าจะเปรียบเทียบให้ถูกมันควรจะเป็นแบบนี้นะ


หรือแบบนี้!!!

MPL TK 03 Aloha flight 243

ถ้าโลกเคลื่อนที่เร็วขนาด 220 กม./วินาที เครื่องบินจะตามทันได้ยังไง คลิปนี้ก็เห็นชัดนะว่าโลกไม่ได้หมุนและไม่ได้เคลื่อนที่ แถมสนามบินก็แบนราบเรียบดี

Dubai Airport Flight Landing

ถ้าโลกกลมจริงยิ่งเราอยู่สูงจะยิ่งมองเห็นความโค้งของโลกต่ำลงเรื่อย ๆ แบบในคลิปนี้

A Simple Horizon Test Take 2





เวลาขึ้นเครื่องบินเราจะมองเห็นเส้นขอบฟ้าอยู่ที่ระดับสายตาเสมอ แปลว่าโลกไม่ได้โค้งลง
คำว่า level แปลว่า ราบ สม่ำเสมอ ได้ระดับ หรือเท่ากัน




สะพาน Danyang-Kunshan ในประเทศจีนมีความยาว 165 กม. (104.2 ไมล์) เปิดใช้ปี 2011
นักสำรวจและวิศวกรก่อสร้างยืนยันว่าไม่ได้มีการคำนวณความโค้งของโลกระหว่างการก่อสร้างเลย

สะพานนี้ยาว 104.2 ไมล์ ถ้าโลกมีความโค้งจริงสะพานจะต้องโค้งลง 6,990.50 ฟุต หรือ 2.1307044 กม.





ถ้าโลกมีความโค้งเราต้องมองเห็นยอดตึกหรือยอดประภาคารเอียงด้วยนะ ไม่ใช่แค่ส่วนฐานหายไปแต่ยอดตั้งตรง











ตารางเทียบความโค้งของโลก

ถ้าใครจะบอกว่าเคยเห็นความโค้งของโลกบนเงาของดวงจันทร์ตอนที่เกิดจันทรุปราคา อย่าลืมว่านักวิทยาศาสตร์เป็นคนพูดเองนะว่าโลกไม่ได้กลมแบบสมบูรณ์แบบ แต่มีลักษณะกลมแป้นเหมือนผลส้ม เรียกว่า oblate spheroid หรือ ellipsoid และก็บอกอีกทีว่าเหมือนลูกแพร์ 


แต่โลกของ Elon Musk เขาก็กลมดีนะ

เรื่องของการชั้นบรรยากาศของโลกก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ในเมื่ออวกาศมีสภาวะเป็นสุญญากาศ แต่โลกที่เราอยู่มีอากาศแล้วมันมีอะไรขั้นกลางสภาวะทั้งสองอย่างนี้ออกจากกัน




เป็นไปได้ว่าเราอาศัยอยู่ในโลกที่มีสภาวะแวดล้อมแบบปิดเหมือนกับต้นไม้ที่อยู่ในขวดนี้
โดยที่เจ้าของไม่ได้รดน้ำเลยมาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว
British man grows garden in sealed bottle not watered in over 40 years
https://www.youtube.com/watch?v=AcjOEWm8uS4

มีอีกหลายเรื่องในธรรมชาติที่เราสามารถใช้สามัญสำนึกพิจารณาดูได้หากสังเกตดี ๆ อย่างเช่น ควันไฟ ถ้าโลกเคลื่อนที่ตามดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วกว่า 220 กม./วินาที ควันจากปล่องภูเขาไฟคงจะไม่สามารถลอยขึ้นไปตรง ๆ แบบในรูปด้านขวามือได้ และต้องมีลักษณะเหมือนกับควันที่ออกมาจากรถไฟเวลาวิ่งด้วยความเร็วแบบรูปด้านซ้ายมือ


ภาพจากผู้โดยสารบนเครื่องบินถ่ายตอนภูเขาไฟปะทุไว้ ถ้าไม่มีลมควันจากปล่องภูเขาไฟก็จะลอยขึ้นไปตรง ๆ
Plane Passenger Captures First Eruption of Momotombo Volcano in 110 Years
https://www.youtube.com/watch?v=zHS18GkF0jU

โดยธรรมชาติน้ำจะไม่สามารถเกาะบนวัสดุผิวโค้งได้และไม่ว่าน้ำจะอยู่ในภาชนะรูปทรงอะไรก็ตามระดับผิวน้ำจะเรียบเสมอ แต่ดูเหมือนน้ำในทะเลและมหาสมุทรของโลกกลมจะโค้งได้ แปลกดี!!!




และถ้าหากว่าโลกหมุนน้ำก็ควรจะต้องกระเซ็นออกจากศูนย์กลางแบบนี้ใช่ไหม แต่สำหรับโมเดลโลกกลมน้ำจะสามารถยึดเกาะอยู่กับผิวโลกได้




ในการทดลองทำไม่ได้ แต่สมการแก้ได้!!!


ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าหากข้อเท็จจริงไม่ตรงกับทฤษฎี ก็ให้เปลี่ยนข้อเท็จจริงซะ"

--------------------------- ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่วันนี้เอาเท่านี้ก่อน---------------------------