วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563

65) ตอบคำถาม 35 ข้อ เกี่ยวกับโลกแบนภายใน 35 นาที (ข้อ 21-30)


35 Most Common Flat Earth Questions Answered in 35 Minutes
https://youtu.be/VaonmDdVWaY

ข้อที่ 21) แล้วเรื่อง Time-Zone ล่ะ? (นาทีที่ 20:22) 

ดวงอาทิตย์ไม่ได้อยู่ไกลมากถึง 93 ล้านไมล์แบบที่เราถูกสอนมา แต่มันอยู่ใกล้กับโลกและหมุนวนโคจรรอบโลก เราจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์เมื่อมันโคจรผ่านเราไปแล้ว time-zone เกิดจากการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์บนหัวของเรา ทุก ๆ 15 องศาเท่ากับ 1 ชม. ตามวงโคจรของดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนที่ไปรอบโลกเท่ากับมีเส้นแบ่งเขต time-zone 24 เส้น เป็น 24 ชม.ต่อ 1 วัน (15 องศา x 24 เส้น = 360 องศา)

คลิปด้านล่างคือนาฬิกาตั้งโต๊ะยี่ห้อ Seiko รุ่น World-Time Brass Clock Model QZ516G สามารถบอกเวลาได้ทั่วโลกมีแผนที่โลกแบนอยู่ตรงกลาง ในคลิปได้อธิบายวิธีการดูเวลาไว้ให้แล้ว

Seiko World-Time Brass Clock Model QZ516G (Revised)



ถ้าเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะจะเรียกว่า World time clock แต่ถ้าเป็นนาฬิกาข้อมือจะเรียกว่า Universal time watch มีหลายยี่ห้อ เช่น Montblanc รุ่น Heritage spirit orbis terrarum / Vacheron รุ่น Luxe Getaways Header / Vacheron รุ่น Constantin Traditionelle World Time / Vacheron รุ่น Constantin Overseas World Time / Jaeger รุ่น LeCoultre Geophysic Universal Time / Jaeger รุ่น LeCoultre Geophysic Universal Time Tourbillion Watch

แผนที่โลกแบนที่ Alexander Gleason ใช้ประดิษฐ์ time chart สามารถใช้คำนวณเวลาได้ทั่วโลก อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความด้านล่าง


(แผนที่สามารถโหลดไปปริ้นท์โปสเตอร์แผ่นใหญ่ได้ ความละเอียด 4,773 x 6,794 - 7.3MB)


#บทความอ่านเพิ่มเติม
29) แผนที่โลกแบนของ Alexander Gleason ปี 1893

ข้อที่ 22) แล้วเรื่องการไปเยือนดวงจันทร์และดาวอังคารล่ะ? (นาทีที่ 21:01)

นาซ่าอ้างว่าพวกเขาได้ไปเยือนดวงจันทร์ด้วยภารกิจอพอลโลถึง 6 ครั้ง ช่วยกรุณาพิสูจน์ดูด้วยตาตัวเองให้ดีมันเห็นกันชัด ๆ ว่าภารกิจการไปเยือนดวงจันทร์เหล่านี้เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด รวมถึงภารกิจอื่น ๆ ของนาซ่าด้วย นาซ่าอ้างว่าข้อมูลการไปเยือนดวงจันทร์สูญหายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพ footage หรือข้อมูลการตรวจวัดระยะไกล ซึ่งทำให้ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่าโครงการนั้นมีความถูกต้องจริงหรือไม่ หรือว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ภาพของโลกที่เราเห็นหลายภาพก็มาจากการใช้เทคนิคทางกราฟฟิกคือการ copy แล้ว paste บนพื้นหลัง และเงาในภาพก็ชี้ไปคนละทิศซึ่งบ่งบอกว่ามีจุดกำเนิดแสงมาจากหลายจุด ที่จริงแล้วจุดกำเนิดแสงบนดวงจันทร์ต้องมาจากดวงอาทิตย์ดวงเดียวเท่านั้นซึ่งจะทำเกิดเงาไปทางเดียวกัน แต่มีหลายภาพที่เราเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้น

แล้วถ้าเราดูภาพของดาวอังคาร ภาพของภูเขาที่อยู่บนดาวอังคารก็ดูคล้ายคลึงกับภาพภูเขาในรัฐอริโซนา ออสเตรเลีย อียิปต์ หรือแม้แต่ในไอร์แลนด์ ถ้าลองปรับสีด้วยโปรแกรม Photoshop โดยการเพิ่มสีแดงเข้าไป จะเห็นเลยว่ดาวอังคารช่างเหมือนกับโลกเรามาก ภาพของรถโรเวอร์บนดาวอังคารก็เป็นภาพแอนิเมชั่นที่ทำด้วยวิธีการทางกราฟฟิก หรือบางคลิปก็มาจากการถ่ายทำบนโลก

#บทความเพิ่มเติม
อพอลโลตอนที่ 1) https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/3-apollo.html
อพอลโลตอนที่ 2) https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/…/4-apollo-2.html
ชาแลนเจอร์ตอนที่ 1) https://flatearthmatters.blogspot.com/…/1986-challenger-dis…
ชาแลนเจอร์ตอนที่ 2) https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/01/8-1986-2.html

#เรื่องสภาวะสุญญากาศ
1) เรื่องของแรงดันอากาศกับสภาวะสุญญากาศ กรณี ISS ลอยอยู่ในอวกาศได้จริงหรือ??

2) ทำไมชาวโลกแบนถึงคิดว่าอวกาศเป็นเรื่องหลอกลวงและดาวเทียมไม่มีจริง

3) มนุษย์เราสามารถอาศัยอยู่ในอวกาศได้จริงหรือ??? Can we live in space?


ข้อที่ 23) แล้วเรื่องที่เห็นความโค้งของโลกจากหน้าต่างเครื่องบินล่ะ? (นาทีที่ 22:20)

มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เราจะได้เห็นความโค้งของโลกก็คือภาพกราฟฟิกจากนาซ่า หรือภาพถ่ายที่ใช้เลนส์ตาปลา (fisheye lens) จากกล้อง GoPro หลายคนอ้างว่าเห็นความโค้งของโลกตอนที่มองออกนอกหน้าต่างจากเครื่องบิน แต่เราต้องพิจารณาด้วยว่าถ้าโลกมีความโค้งจริงเวลาเราขึ้นที่สูงความโค้งของโลกจะทำให้เส้นขอบฟ้าค่อย ๆ ลดต่ำลง และเราต้องก้มหน้าดูถึงจะเห็นเส้นขอบฟ้าที่แผ่นดินตัดกับท้องฟ้า แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นแบบนั้นเลย ในทางตรงกันข้ามเส้นขอบฟ้ากลับอยู่ที่ระดับสายตาของเราเสมอซึ่งเป็นไปไม่ได้ในโลกกลม แต่มันจะเกิดขึ้นเฉพาะบนโลกที่มีลักษณะแบนเท่านั้น บางครั้งเราอาจจะเห็นความโค้งนิดหน่อยจากหน้าต่างเครื่องบินแต่พวกเขาก็ลืมไปว่ากำลังมองเห็นเส้นขอบฟ้าที่เป็นเส้นตรงอยู่


กระจกหน้าต่างเครื่องบินถูกออกแบบมาให้มีความโค้งเล็กน้อยเพื่อลดแรงดันอากาศในเครื่องบิน และมีกระจกซ้อนอยู่หลายชั้นเวลามองพื้นโลกผ่านริมขอบกระจกจะเห็นเหมือนกับว่าแผ่นดินโค้งลง


ข้อ 24) แล้วลูกตุ้ม Foucault Pendulum ล่ะ? (นาทีที่ 23:11) 

ช่วงกลางศตวรรษที่ 18 มีชายคนหนึ่งชื่อว่า Leon Foucault เริ่มการทดลองเหวี่ยงลูกตุ้มที่มีเข็มแหลมชี้ลงมาที่พื้น และลูกตุ้มนั้นจะหมุนเป็นวงกลม เขาอ้างว่าลูกตุ้มนั้นไม่ได้หมุนแต่เป็นพื้นโลกต่างหากที่กำลังหมุนอยู่ใต้ลูกตุ้ม อย่างไรก็ตามการทดลองนี้ถูกพิสูจน์ได้ง่าย ๆ เพราะลูกตุ้มไม่มีทางเหวี่ยงด้วยตัวเองต้องมีการเริ่มต้นเหวี่ยงจากคนก่อน ลูกตุ้มฟูโกต์นี้ในบางแห่งจะแกว่งช้าไป บางแห่งเร็วไป บางที่แกว่งไปทิศทางตรงกันข้าม หรือบางที่ก็ไม่แกว่งเลย ซึ่งมันชี้ให้เห็นว่าลูกตุ้มฟูโกต์ไม่ได้ช่วยพิสูจน์อะไรได้เลยว่าโลกหมุนจริงหรือไม่ แต่มันก็ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือไปทั่วโลกเพื่อบอกว่าโลกมีการเคลื่อนที่จริง

ถ้าลูกตุ้มฟูโกต์แกว่งเพราะการหมุนของโลกจริง พวกเครนที่ใช้ในการก่อสร้างก็คงจะแกว่งไม่หยุดเช่นกัน 

But what about the Foucault pendulum? Flat Earth.

ข้อ 25) แล้วจะอธิบายเรื่องทิศเหนือ ทิศใต้อย่างไรหากโลกแบนจริง? (นาทีที่ 24:03)

ในโมเดลโลกแบนทิศเหนือคือจุดกึ่งกลางของโลก ส่วนทิศใต้ก็คือฝั่งตรงกันข้ามกับทิศเหนือ ในการใช้เข็มทิศตัวเข็มจะชี้ตรงไปทางทิศเหนือเสมอไม่ว่าคุณอยู่ตรงจุดใดบนโลก คำว่า "Magnetic North" (MN - ทิศเหนือแม่เหล็ก) ไม่ใช่แค่คำเรียกมาแต่โบราณ แต่คนในยุคโบราณเรียกแบบนั้นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าตรงจุดกึ่งกลางของโลกแบนมีจุดที่มีแรงดูดเหมือนแม่เหล็ก ด้วยเหตุผลนี้เองไม่ว่าเราจะอยู่ ณ จุดใดบนโลกเข็มทิศจะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ ซึ่งก็เหมือนแม่เหล็กที่นำทางคุณไปในทิศนั้น ด้วยเหตุนี้การบอกทิศเหนือและทิศใต้บนโมเดลโลกแบนจึงมีเหตุมีผลมากกว่าบนโลกกลม 

วิธีการใช้เข็มทิศบนโลกที่มีลักษณะแบนใช้งานง่าย ๆ แบบนี้

Circumnavigating a FLAT EARTH for Dummies

ข้อ 26) แล้วดาวตก อุกกาบาต และรอยยุบจากการชนของอุกกาบาตล่ะ? (นาทีที่ 24:55) 

เราต่างถูกสอนว่าหลุมลึกที่เราเห็นบนโลกเกิดจากการชนของอุกกาบาต (craters) แต่อีกทีนึงเราก็จะถูกสอนว่าหลุมพวกนี้เกิดจากแก๊สใต้พื้นโลก หรือไม่ก็เกิดจากการทรุดตัวของพื้นดินเพราะน้ำเซาะอยู่ข้างใต้ (sinkhole) ถ้าหากว่าหลุมพวกนี้เกิดจากก้อนอุกกาบาตที่พุ่งเข้ามาชนจากนอกโลกจริง เราก็ต้องเห็นก้อนอุกกาบาตที่ใหญ่มากอยู่ในหลุมนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องได้เห็นเศษอุกกาบาตที่แตกกระจายไปรอบ ๆ ที่เกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง แต่จากลักษณะของพื้นที่รอบ ๆ หลุมพวกนี้ไม่ปรากฏว่ามีร่องรอยเศษก้อนหินหรือก้อนอุกกาบาตที่ว่า 

ส่วนในกรณีของหินอุกกาบาต (meteors) ก็เหมือนกับก้อนหินจากดวงจันทร์ นาซ่าบอกว่าก้อนหินเหล่านี้มาจากอวกาศแล้วเราก็เชื่อว่าก้อนหินพวกนี้มาจากอวกาศจริง ๆ หากแต่ว่าเรามาพบความจริงในภายหลังว่าเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งหลอกลวงทั้งหมดเพราะมันมาจากบนโลกเรานี่เอง

จากข่าวที่ว่ามีการตรวจสอบก้อนหินจากดวงจันทร์ที่พิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ในประเทศเนเธอร์แลนด์พบว่าเป็นเพียงไม้กลายเป็นหิน (petrified wood) ไม่ใช่ก้อนหินจากดวงจันทร์แต่อย่างใด


ส่วนดาวตก (comets) ก็คือดาวที่มีแสงพุ่งไปในท้องฟ้า มีกรณีอุกกาบาตตกหลายครั้งอย่างที่ในรัสเซียมีก้อนวัตถุพุ่งทะลุเข้ามาทางหน้าต่างที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มันไม่ใช่ก้อนหินที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหากแต่เป็นวัตถุทางการทหารประเภทหนึ่งที่ถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบิน เพื่อจะทำให้เราเชื่อว่าวัตถุพวกนี้คือดาวตก ดาวตกพวกนี้มักจะถูกยิงออกมาในลักษณะจากบนลงล่าง ถ้าหากว่าวัตถุพวกนี้คือก้อนหินที่มาจากอวกาศจริงมันควรจะพุ่งเข้ามาในทุกทิศทาง ทุกมุมมองมากกว่าที่จะพุ่งเข้ามาในทิศทางเดียวในทุก ๆ ครั้ง 

#ข้อมูลเพิ่มเติม
หลุมแก๊สดาร์วาซาอยู่ในทะเลทราย Karakum ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) หลุมมีขนาดความกว้าง 69 เมตร ลึก 30 เมตร ซึ่งเกิดเป็นหลุมจากการขุดหาบ่อน้ำมันของทีมวิศวกรจากประเทศโซเวียตตั้งแต่ปี 1971 หลุมนี้ปล่อยแก๊สมีเทนออกมาตลอดเวลาเกือบ 50 ปีมาแล้ว

This Hellish Crater Has Been on Fire for Almost 50 Years

หลุมอุกกาบาตบาร์ริงเกอร์ (Barringer Crater) ที่ทะเลทรายในเอริโซน่า จากเดิมมีการวิเคราะห์กันว่าเป็นการยุบด้วยสาเหตุของภูเขาไฟ แต่ต่อมาภายหลังมีการให้ข้อมูลใหม่ว่าเป็นหลุมที่เกิดจากอุกกาบาตชนโลก ความกว้าง 1,250 เมตร ลึก 174 เมตร (หลุมใหญ่ขนาดนี้ไม่มีเศษก้อนอุกกาบาตหลงเหลือให้เห็นเลย) 

Arizona's Jaw-Dropping Mile-Long Meteor Crater


#บทความเพิ่มเติม
61) ตอบคำถามเรื่องอุกาบาตและดาวตก

ข้อ 27) ในโมเดลโลกแบนมีโดมครอบโลกอยู่จริงหรือ? (นาทีที่ 26:39)

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเหนือท้องฟ้าขึ้นไปมีโดมครอบอยู่จริงหรือไม่ (เรียกว่า firmament) แต่สิ่งที่เรารู้คือในอารยธรรมโบราณหลาย ๆ อารยธรรมอธิบายลักษณะของโลกไว้สอดคล้องกันคือมีโดมครอบอยู่บนพื้นโลกที่มีลักษณะแบน และมีระบบจักรวาลแบบ Geocentric (โลกเป็นศูนย์กลาง) แม้แต่ข้อมูลในไบเบิลก็อธิบายถึงโดมไว้ (ข้อมูลในศาสนาพุทธก็เช่นเดียวกัน อ่านเพิ่มเติมได้ในลิงค์บทความด้านล่าง)

ข้อมูลที่เรารู้คือในทางการทหารมีการยิงขีปนาวุธขึ้นไปในอวกาศหลายครั้งตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 50 อย่างเช่น Operation Fishbowl (ปฏิบัติการอ่างเลี้ยงปลา) พวกเขายิงจรวดขึ้นไปและเกิดระเบิดกลางอากาศราวกับว่ามันชนเข้ากับโดม แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ควรเชื่อโดยที่ไม่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้นแนวความคิดว่ามีโดมอยู่เหนือท้องฟ้ามีจริงหรือไม่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด

กรณีเรื่องโดมนี่ในกลุ่มคนที่ศึกษาเรื่องโลกแบนก็จะมี 2 ฝั่งคือเชื่อว่ามีจริงและยังไม่เชื่อเพราะต้องการหลักฐานเพิ่มมากกว่านี้ แต่สำหรับกลุ่มคนที่เชื่อว่ามีจริงก็มีการวิเคราะห์ด้วยหลายเหตุผล เช่น
  1. ถ้าหากว่าไม่มีโดมครอบอยก็แปลว่ามนุษย์เราสามารถเดินทางออกไปนอกอวกาศได้จริง นาซ่าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องโกหกด้วยการใช้ภาพกราฟฟิกต่าง ๆ
  2. หากพิจารณาด้วยคุณสมบัติของแก๊ส แก๊สเป็นสสารที่ต้องการภาชนะบรรจุแบบระบบปิดและมีการหมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง
  3. ด้วยสถานะของแก๊สที่มีคุณสมบัติในการแทนที่ทันที แก๊สจะไม่สามารถอยู่ใกล้กับสภาวะสุญญากาศได้โดยที่ไม่มีวัตถุมาขวางกั้น (barrier)


#บทความเพิ่มเติม
26) ความรู้เรื่องจักรวาลของชาวสยามในอดีต
47) Operation Fishbowl ปฏิบัติการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในชั้นอวกาศ

ข้อ 28) โลกแบนนี่เป็นเรื่องสำหรับคนที่เคร่งครัดศาสนาเท่านั้นหรือเปล่า? (นาทีที่ 27:32) 

คำตอบก็คือเรื่องโลกแบนไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะของคนที่เคร่งศาสนา แต่เรื่องโลกแบนเป็นเรื่องสำหรับมนุษย์ทุกคน ในกลุ่มชาวโลกแบนจะมีผู้คนหลากหลายความเชื่อและมีหลายศาสนา แต่ประเด็นหลักของเรื่องโลกแบนก็คือลักษณะของโลกที่เราอาศัยอยู่ จะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาเลยก็ได้โดยดูจากหลักฐานทั้งหมด มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าใจเรื่องโลกแบนได้และเราควรจะตื่นจากคำโกหกหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดนี้กันได้แล้ว

ข้อ 29) แล้วในไบเบิลกล่าวว่าโลกแบนจริงหรือ? (นาทีที่ 28:06)

ข้อมูลในไบเบิลกล่าวถึงโลกที่มีลักษณะแบนและไม่เคลื่อนที่ แต่ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าโลกแบน ในไบเบิลไม่ได้กล่าวแค่เฉพาะเรื่องโดม แต่ยังบอกว่าโลกตั้งอยู่บนฐาน ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มีแสงในตัวเอง และกล่าวถึงสวนอีเดนที่เป็นเหมือนสวรรค์ที่มีแม่น้ำ 4 สายไหลออกมา ซึ่งเหมือนกับข้อมูลในแผนที่ของ Mercater projection ที่จะเห็นว่ามีแม่น้ำไหลออกมาจากทิศเหนือ 4 สายเหมือนกัน ไบเบิลถูกเขียนขึ้นมาก่อนระบบสุริยะจักรวาล (Heliocentric model) แล้วทำไมถึงให้ข้อมูลว่าโลกแบนและไม่มีการเคลื่อนที่

แผนที่เมอเคเตอร์ (Mercater Map) ถูกวาดขึ้นมาในปี 1569 โดย Gerard Mercator มีรายละเอียดบอกเกี่ยวกับลักษณะพื้นที่ของขั้วโลกเหนือชัดเจนว่ามีภูเขาสูงอยู่ตรงกลาง มีแผ่นดินล้อมรอบ 4 ด้าน และมีแม่น้ำไหลออกมา 4 สาย แล้วคั่นด้วยมหาสมุทรถึงเป็นแผ่นดินของทวีปต่าง ๆ โดยระบุชื่อแคนาดา กรีนแลนด์ ยุโรป รัสเซีย และเอเชีย


เข้าลิงค์นี้สามารถขยายภาพให้ใหญ่ได้ https://sanderusmaps.com/detail.cfm?c=12473

ข้อ 30) แล้วสมาคมโลกแบนล่ะ? (นาทีที่ 28:52)

กลุ่มสมาคมโลกแบนคือกลุ่มฝ่ายค้านแบบจัดตั้ง (controlled opposition) แนวคิดในการมีกลุ่มแบบนี้ขึ้นมามีเบื้องหลังอย่างที่ Vladimir Lenin เคยกล่าวไว้ว่า "The best way to control the opposition is to lead it ourselves" (วิธีที่จะควบคุมฝ่ายตรงกันข้ามได้ก็คือการเข้าไปเป็นคนนำด้วยตัวเอง - วลาดีมีร์ อิลลิช เลนิน) หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐบาลหรือกลุ่มสมาคมลับจะมีการควบคุมผู้นำที่ต่อต้านพวกเขาอยู่ ยกตัวอย่างเช่น สมาคมโลกแบนนี่แหละ พวกเขาจะคอยให้ข้อมูลที่ดูตลกขบขันเพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่สนใจเพราะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ 

ดูตัวอย่างข้อมูลที่พวกเขาบอกไว้ เช่น พวกเขาบอกว่าแรงโน้มถ่วงไม่ได้เกิดเพราะความหนาแน่และแรงลอยตัวแต่เป็นเพราะโลกกำลังเคลื่อนที่สูงขึ้นด้วยความเร็ว 1g เท่ากับแรงโน้มถ่วงและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมสิ่งของที่หล่นลงมา ไม่ว่าใครก็ตามได้ยินข้อมูลนี้ย่อมคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกขบขันซึ่งก็ได้ผล คนที่ได้ยินก็จะไม่สนใจหาข้อมูลต่อ นั่นคือสิ่งที่สมาคมโลกแบนถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ

#บทความเพิ่มเติม
14) คำเตือน!! สำหรับคนที่สนใจศึกษาเรื่องโลกแบนให้ระวัง "หน้าม้า" และ "ฝ่ายค้านแบบจัดตั้ง"

-----------------------------------------------------

ตอนที่ 1) ข้อที่ 1 - 10
https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/12/63-35-35-1-10.html

ตอนที่ 2) ข้อที่ 11 - 20 
 https://flatearthmatters.blogspot.com/2019/12/64-35-35-11-20.html

ตอนที่ 3) ข้อที่ 21 - 30 
https://flatearthmatters.blogspot.com/2020/01/65-35-35-21-30.html

ตอนที่ 4) ข้อที่ 31 - 35 
https://flatearthmatters.blogspot.com/2020/01/67-35-35-31-35.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น