มนุษย์ต่างดาว..กับ..ศาสนาแห่งโลกยุคใหม่
Alien & New World Religion
นอกจากไอนสไตน์จะสนับสนุนยิวไซออนิสต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการ New World Order แล้ว Dr. Robert Sungenis เคยกล่าวไว้ในบรรยายของเขาว่า “ไอนสไตน์เป็นคนที่ต่อต้านคริสต์ตัวยง” และ Freeman John Dyson FRS กล่าวว่า “ไอนสไตน์คือพวกบูชาวิทยาศาสตร์ขั้นรุนแรงและเขาก็พูดชัดเจนว่าสำหรับเขานั้นวิทยาศาสตร์คือศาสนา”
ไอนสไตน์ได้กล่าวเกี่ยวกับศาสนาวิทยาศาสตร์ของเขาว่า “ศาสนาแห่งอนาคตจะเป็นศาสนาจักรวาล (Cosmic Religion) ซึ่งจะอยู่เหนือพระเจ้าตามความเชื่อส่วนบุคคล จะไม่ใช่คำสอนแบบสำเร็จรูป (ที่สอนให้เชื่อฟังเพียงอย่างเดียว) และไม่ใช่ศาสนาแบบเทววิทยา (ที่ต้องพึ่งพาพระเจ้า)..."
เขาได้อธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า “Cosmic Religion คือการปล่อยให้จิตใจให้ล่องลอยไปตามผลงานการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์” เขามองพระเจ้าตามความเชื่อส่วนบุคคลว่าเป็นนิยายแฟนตาซี เขาจึงไม่เห็นคุณค่าในการร้องขอจากนักบวชหรือผู้รู้ แม้นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนเป็นเอทิสท์ และแม้ไอนสไตน์จะเป็นยิว แต่เขาก็ยืนยันว่าตัวเขาไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า เพียงแต่พระเจ้าของเขาไม่ใช่พระเจ้าในกลุ่มศาสนาอับราฮัม (ยูดาย คริสต์ อิสลาม) ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์และเอทิสท์หลายคนกล่าวยอมรับความคิดนี้ เช่น ริชาร์ด ดอว์คินส์ นักชีววิทยาและนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า “เขาจะยอมรับในพระเจ้าของศาสนาจักรวาล”
ดู : https://manyworlds.space/2016/01/15/einstein-cosmic-religion-and-me/
แล้วพระเจ้าที่วิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ขึ้นจะหมายถึงพระเจ้าแบบไหน ?
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้น Wernher Von Braun ผู้ก่อตั้ง NASA จะพัฒนาจรวดด้วยแรงบันดาลใจในการขึ้นไปสู่สวรรค์ แต่น่าสนใจเมื่อเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 1977 แผ่นหินเหนือหลุมศพของเขาได้เลือกใช้ตัวบทจากไบเบิล Psalm 19:1 ที่มีความหมายว่า “สรวงสวรรค์ประกาศความเกรียงไกรของพระเจ้า และท้องนภา (Firmament)คือความเมตตาในหัตถกิจของพระองค์” ซึ่ง Firmament เป็นคำที่ใช้อธิบายท้องฟ้ารูปโดมอันแข็งแกร่งของโมเดลโลกแบน การเลือกใช้ตัวบทนี้ราวกับเขาพยายามบอกเป็นนัยว่า ชั้นฟ้าเบื้องบนไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจ และการออกสู่อวกาศนั้นเป็นไปไม่ได้
4 ปีก่อน Wernher Von Braun จะเสียชีวิตเขาพยายามเตือนเพื่อนร่วมงานอย่าง Dr. Carol Rosin อยู่หลายครั้งถึงเรื่องลวงโลกนี้ เธอได้เล่าเรื่องที่ Wernher Von Braun สั่งเธอว่า “แครอลคุณต้องหยุดโครงการอาวุธอวกาศเดี๋ยวนี้ เพราะโครงการนี้ตั้งอยู่บนเรื่องโกหก กลยุทธแรกที่จะถูกนำมาใช้อ้างในการทำโครงการนี้คือ ต่อต้านการขยายอณาจักรของรัสเซีย แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันการก่อการร้าย แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันประเทศจากสงครามโลกที่ 3 แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันอุกกาบาต และไพ่ใบสุดท้ายที่จะถูกนำมาอ้างคือ เพื่อป้องกันการรุกรานจากต่างดาว ทั้งหมดนี้คือ ข้ออ้างในการผลาญเงินนับล้านล้านดอลล่าร์เพียงเพื่อเรื่องโกหกเท่านั้น” และเมื่อ Dr. Carol Rosin พยายามค้นจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เธอก็พบว่า Wernher Von Braun พยายามบอกความจริงกับเธอมาโดยตลอด
ดู : https://www.youtube.com/watch?v=WruCxsh8mfw&feature=youtu.be
อดีตประธานาธิปดี Ronald Reagan เคยกล่าวในสภาว่า “ในขณะที่เรากำลังหมกมุ่นเรื่องลัทธิต่างๆ เรามักหลงลืมว่าเราเคยเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นไรในความทรงจำของมนุษยชาติ บางทีเราอาจต้องการการรุกรานระดับจักรวาลเพื่อให้ระลึกถึงความสัมพันธ์นี้ บางครั้งผมก็สงสัยว่าความขัดแย้งที่มันเกิดขึ้นทั่วโลกจะหายไปได้เร็วขนาดไหนถ้าเราต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานที่มาจากนอกโลก ซึ่งผมจะขอถามคุณว่า มันไม่ใช่เพราะความแปลกแยก (Alien)ระหว่างเราหรอกหรือในตอนนี้ (ที่ทำให้เกิดความแตกแยกกันได้ขนาดนี้) แล้วอะไรที่จะหมายถึงปฏิบัติการจากความแปลกแยก (Alien)ระดับจักรวาลจริงๆ ที่จะมาทำสงคราม มันคือสงครามการรุกรานจากต่างดาว”
ดู : https://www.youtube.com/watch?v=MAAHgAuti84&feature=youtu.be
Paul Hellyer วิศวกรชาวแคนาดา นักเขียน นักการเมือง นักวิจารณ์ และเป็นสมาชิกสภาองคมนตรีแคนาดาก็ให้สัมภาษณ์คล้ายกันว่า “มันเป็นส่วนหนึ่งของเกม พวกเขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเรา แต่บอกเพียงสิ่งที่เขาคัดเลือกแล้ว และเป็นความจริงที่ทำให้เราสบายใจ เพียงพอที่จะทำให้เรายอมรับว่ามันมีปัญหาบางอย่างและเราต้องการงบเพิ่ม...ซึ่งมันเป็นเพียงปัญหาที่อยู่ในจินตนาการว่ามีบางอย่างที่เราต้องกลัวเกี่ยวกับการรุกรานจากต่างดาว ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาต่างหากที่เป็นปัญหาที่กำลังพยายามทำตามแผน New World Order”
ดู : https://www.youtube.com/watch?v=l_6WXZ7OFTw&fbclid=IwAR1fhJdKkgc7TaSI
wgnpYMTIG1rRByH4s2fm_gz6GAt44LsCSwTOXyCkCpk
ในปัจจุบันมีสิ่งที่เผยให้เห็นแผนการนี้ชัดเจนขึ้น โดยในเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมาทางเพนทากอนของสหรัฐได้เผยภาพ UFO อย่างเป็นทางการ และไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นนายทาโร โคโนะรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นก็ออกมาประกาศเตรียมกำหนดข้อปฏิบัติในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับ UFO
ดู : https://mgronline.com/japan/detail/9630000044563
มนุษย์ต่างดาวจะนำไปสู่
New World Religion ได้อย่างไร ?
“เรากำลังอยู่ที่ปากเหวของการเปลี่ยนแปลงของโลก สิ่งเดียวที่เราต้องการคือวิกฤติการครั้งใหญ่ แล้วทุกชาติก็จะยอมรับ New World Order”
David Rockefeller
Project Blue Beam คือแผนการที่จะฉายภาพโฮโลแกรมอันตระการตาบนท้องฟ้าเพื่อ ให้คนทั้งโลกได้เห็นภาพการรุกรานจากต่างดาว(Alien Invasion) และการเสด็จลงมาช่วยเหลือโดยพระเจ้าจากต่างดาว (Alien Savior) แต่ความจริงแล้วมันคือพระเจ้าจอมปลอม (ซึ่งก็คือแอนตี้ไครส์ของโปรแตสแตนท์ / ดัจญาลตาเดียวของมุสลิมนั่นเอง) โดยในปี 1994 Serge Monast นักเขียนชาวแคนาดาได้ตีพิมพ์หนังสือ Project Blue Beam ซึ่งเป็นโครงการที่ NASA ร่วมมือกับสหประชาติ UN เพื่อนำคนทั้งโลกออกจากศาสนาของตัวเองและพาพวกเขาเข้าสู่ศาสนายุคใหม่ที่เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการตั้งรัฐบาลโลกตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) หากไม่มีความเชื่อสากลของศาสนายุคใหม่ ความสำเร็จของการจัดระเบียบโลกใหม่ก็จะเป็นไปไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่โครงการบลูบีมมีความสำคัญ มันจึงถูกซ่อนไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแผนการของบลูบีมจะกระทำผ่าน 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1. Engineered Earthquakes & Hoaxed 'Discoveries' สร้างแผ่นดินไหวเทียมที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้เกิดขึ้นในจุดที่กำหนดไว้เพื่อทำลายองค์ความรู้ที่เรามีอยู่ แล้วเผยการค้นพบใหม่อันลวงโลกที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดีจะเข้าไปศึกษาข้อมูลในจุดที่เกิดแผ่นดินไหว แล้วข้อมูลนั้นจะถูกนำมาเผยแพร่ในแบบที่จะทำให้ทุกศาสนิกเชื่อว่าหลักคำสอนทางศาสนาของพวกเขาเข้าใจผิดและตีความเกี่ยวกับพระเจ้าผิดๆมานานหลายศตวรรษ
Fr.Giuseppe Tanzenlla-Nitti ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวาติกันได้กล่าวว่า “ในไม่ช้าเราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความศรัทธาในศาสนาคริสต์ของเรา แต่จะมีข้อมูลที่มาจากโลกอื่นซึ่งเมื่อมันได้รับการยืนยันเราจำเป็นต้องตีความคำสอนของพระเยซูกันใหม่”
มันคือแผนการทำลายรากฐานความเชื่อเดิมเพื่อที่จะสร้างความเชื่อใหม่ได้อย่างง่ายดาย และจะสั่นคลอนความศรัทธาเดิมของชาวคริสต์และมุสลิม เหตุที่ Serge Monast กล่าวถึงคริสต์และมุสลิมเป็นการเฉพาะ เพราะมีเพียง 2 ศาสนานี้ที่กล่าวเตือนการล่อลวงของแอนตีไครส์/ดัจญาล (ซึ่งก็คือ False Prophet / False Messiah / False God) ในขณะที่ศาสนาอื่นที่กำลังรอคอยพระผู้ช่วยเหลือ (Messiah) กันอยู่ แต่กลับไม่ได้เตือนการมาของพระผู้ช่วยเหลือตัวปลอม (False Messiah) ศาสนิกเหล่านั้นจึงคล้อยตามพระเจ้าจอมปลอมได้อย่างง่ายดาย
“อ่านริมฝีปากของฉัน...ความกลัวมักถูกใช้โดยชนชั้นสูงผู้มีอำนาจในการควบคุมและปราบปรามมวลชน” George Bush
ขั้นที่ 2. The Big Space Show in the Sky คือการใช้ความกลัวเพื่อนำเราไปสู่ศาสนาแห่งโลกยุคใหม่ โดยการสร้างภาพโฮโลแกรมและเสียงแล้วฉายภาพเลเซอร์ไปที่ท้องฟ้าในส่วนต่างๆของโลกว่าโลกกำลังถูกรุกรานจากต่างดาวซึ่งจะทำให้เกิดความหวาดกลัว ระส่ำระส่ายทั่วทั้งโลก โดยมีภาพยนตร์มากมายเกี่ยวกับการโจมตีจากต่างดาวทั้ง ID4, Avatar, Star War, Superman, Guardians of the Galaxy, ฯลฯ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะหากคนทั้งโลกไม่รู้จักมนุษย์ต่างดาว หรือไม่เคยรับรู้ถึงเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน ทุกอย่างย่อมไม่เป็นไปตามแผนที่พวกเขาวางไว้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ถึงได้ประดิษฐ์ทฤษฎีต่างๆขึ้นมาเพื่อปูฐานความเชื่อสู่เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้
ซึ่งความหวาดกลัวจากการรุกรานโดยมนุษย์ต่างดาวในครั้งนี้จะนำทั้งโลกไปสู่การร้องขอความช่วยเหลือจากต่างดาว Brother Guy Consolmagno ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหอดูดาวของวาติกัน (Vatican Observatory) และยังเป็นที่รู้จักในนามนักดาราศาสตร์ของโป๊ป (the Pope's Astronomer) กล่าวว่า “ในไม่ช้าชนชาติต่าง ๆ ทั่วโลกจะต้องมองหาความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว” และด้วยเหตุผลนี้เองที่คริสต์บางกลุ่มพยายามชวนเชื่อว่าพระเยซูเป็นเผ่าพันธุ์จากต่างดาว เพราะต้องการนำคนทั้งโลกเข้าสู่การยอมรับพระเจ้าจากต่างดาวนั่นเอง
ขั้นที่ 3. ใช้โฮโลแกรมทำให้ผู้คนเห็นปาฏิหาริย์ที่เกินจะจินตนาการได้ และเห็นนิมิตปลอมเป็นเทพต่างๆ เป็นพระผู้ช่วยเหลือ (Messiah) ของศาสนาต่างๆ และกล่าวเป็นภาษาต่างๆที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ เช่นอ้างว่าเป็น...
- Alien God, Alien Savior เมื่อไปยังเอทิสท์, ผู้ไม่นับถือศาสนา
- Sun God, สุริยเทพ เมื่อไปยัง Pagan เช่น พราหมณ์-ฮินดู, กรีก-โรมัน
- พระศรีอาริยเมตไตรย เมื่อไปยังชาวพุทธ
- เยซู, Son of Star Child เมื่อไปยังคาทอลิก
- ศาสนทูตของพระเจ้า เมื่อไปยังมุสลิม, โปรแตสแตนท์
- อีหม่ามมะฮฺดี เมื่อไปยังชีอะฮฺ
- มะเชียะอิลยา เมื่อไปยังชาวยิว
จากนั้นทุกองค์ที่เราเห็นบนท้องฟ้าจะพูดอย่างเดียวกันว่า แท้จริงแล้วพระเจ้าในแต่ละศาสนาคือองค์เดียวกัน โดยมันจะออกมาพร้อมความช่วยเหลือในยามที่โลกเราเเร้นแค้นที่สุด เมื่อผู้คนหลงไหลคล้อยตามในความช่วยเหลือครั้งนี้ ทั้งโลกจะเข้าสู่การน้อมรับแอนตี้ไครส์/ดัจญาลในฐานะพระผู้ช่วยเหลือ(Messiah)หรือพระเจ้าจอมปลอมตามแผนการ One World Religion ที่ได้วางไว้ ซึ่งมันคือสิ่งที่อัลเบิร์ต ไพค์หมายถึงว่า “...จากนั้นภายใต้สิ่งนี้ศาสนาคริสต์ในทุกคณะนิกายและผู้ที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าก็จะถึงซึ่งกับความพินาศ อันดูเสมือนว่าจะเป็นการได้รับชัยชนะแต่กลับกลายเป็นการถอนรากถอนโคนและทำลายจนสูญสิ้นในเวลาเดียวกัน"
ขั้นที่ 4. Artificial Thought & Communication ใช้คลื่นความถี่ต่ำ ELF, VLF และ LF ที่จะเข้าถึงแต่ละคนและโน้มน้าวจากภายในใจของเขาเอง ให้ผู้คนคิดว่านี่คือเสียงที่พระเจ้าส่งมาพูดกับพวกเขาราวกับพวกเขาได้รับวิวรณ์โดยตรงจากพระเจ้า เทคโนโลยีชนิดนั้นเข้าสู่การวิจัยในทศวรรษ 1970 โดยใช้สมองของมนุษย์ไปเทียบกับระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะดำเนิน การควบคุมจิต (Mind Control) คนทั้งโลกสู่ New World Order
ดู : Project Blue Beam : The 4 Steps to Global Domination
http://educate-yourself.org/cn/projectbluebeam25jul05.shtml?fbclid=IwAR1UBlzfhriP6XHd_wgucvpJKkSaacwGB4rNKX1wgCFBRJ1pwWvungEkmEQ
ดู : https://m.youtube.com/watch?v=pyQv18_hiTs&feature=youtu.be
จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่า
1) “โลกคือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง, ดวงดาวคือดวงอาทิตย์และมีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบ, ดาวเคราะห์อื่นๆมีองค์ประกอบเหมือนโลก, NASA ค้นพบดาวเคราะห์ที่มีน้ำ, ทฤษฎีบิ๊กแบง, ทฤษฎีวิวัฒนาการ”...สิ่งเหล่านี้ มันคือองค์ประกอบสู่การยอมรับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
2) “โลกแบนคือดินแดนแห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่ใด”...เป็นการปฏิเสธสมมติฐานเหล่านั้นทั้งหมดเพราะเชื่อว่าดาวต่าง ๆ เป็นเพียงพลาสม่า ไม่มีบิ๊กแบง ไม่มีวิวัฒนาการ NASA โกหก จึงเป็นการปฏิเสธมนุษย์ต่างดาวและการชวนเชื่อเรื่องอวกาศไปโดยปริยาย
3) “พระเจ้าจากต่างดาว/ Alien God” มีรากความเชื่อจาก “เทพเจ้าแห่งดวงดาว/Anunnaki” ที่มีมาตั้งแต่จากยุคบาบิโลน ซึ่งภาพนี้สื่อถึงความเชื่อยุคบาบิโลนที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
-อะนุนนาคี/พระเจ้าจากต่างดาวที่มีร่างสูงใหญ่และนั่งอยู่บนเก้าอี้...(ซึ่งก็คือ Alien God/มนุษย์ต่างดาว)
- อะนุนาคียังใช้ Star Gate เดินทางมาสู่โลก...(ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์ทฤษฎีรูหนอน/ Worm Hole มาสร้างความเป็นไปได้ให้กับ Star Gate แล้ว)
- นัมรูด/กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ต้องการขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อที่จะตั้งชื่อสวรรค์ตามที่เขาต้องการ จึงได้เชิญชวนผู้คนมาสร้างหอคอยบาบิลโดยตั้งชื่อตามชื่อเมืองบาบิโลนที่แปลว่า Gate of Heaven...(ซึ่ง NASA ก็ได้สร้างจรวดด้วยแรงบันดาลใจว่า “จรวดจะปลดปล่อยมนุษย์จากโซ่ตรวนของแรงโน้มถ่วง ซึ่งยังผูกเขาไว้กับโลกใบนี้ มันจะเปิดประตูแห่งสวรรค์/Gates of Heaven ให้เขา” )
ดู : NASA and the Spirit of Babel, Space X and Tower of Babel, The Tower of Babel Among Us
จะเห็นว่าศาสนา New World Religion จะไม่สมเหตุสมผลเลยถ้าไม่มีวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ที่คอยประดิษฐ์ทฤษฎีต่าง ๆ มาสนับสนุน และหากศึกษาเพิ่มเติมจะพบว่า “บาบิโลนคือรากฐานของ New World Order” และสิ่งต่างๆที่เคยเกิดในยุคบาบิโลนกำลังจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในยุค New World Order (สามารถศึกษาประเด็นนี้ได้จากหนังสือ Two Babylons โดย Alexander Hislop)
ทั้งหมดนี้คือคำเตือนจากโซโลมอนที่ได้กล่าวไว้ “อะไรที่เคยเกิดขึ้นแล้วจะเกิดขึ้นอีก อะไรที่เคยทำไปแล้วจะกลับมาทำอีก ไม่มีสิ่งใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์” (ไบเบิล Ecclesiastes 1: 9) เพราะประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดแล้วจะวนกลับมาซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ
เนื่องจากการเชื่อว่า “โลกกลมคือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง” แล้วก็ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปตามผลงานทางวิทยาศาสตร์
.......มันคือฐานสู่การยอมรับ Alien God ซึ่งก็คือไพ่ใบสุดท้ายสู่การยอมรับพระเจ้าจอมปลอมของ New World Religion
.......มันเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้
------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น