วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

70) ว่าด้วยเรื่องฟลูออไรด์ สารปรอท และวัคซีน

ข้อมูลจากบทความนี้แปลเฉพาะตรงที่สำคัญนะ
(ย่อหน้าแรก)



25 ก.ค. 2012 - เป็นเวลาหลายปีที่ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันได้ว่าฟลูออไรด์ในน้ำดื่มจะเป็นพิษต่อการพัฒนาการสมองของมนุษย์ เรารู้กันว่าระดับฟลูออไรด์ที่สูงมากเป็นพิษต่อระบบประสาทในผู้ใหญ่ และมีผลกระทบในทางลบในด้านความจำและการเรียนรู้ในการศึกษาด้วยหนูทดลอง แต่มีงานวิจัยน้อยมากเกี่ยวกับสารนี้ในผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองในเด็ก ในงานวิจัยแบบ meta-analysis (การวิเคราะห์ทางสถิติด้วยวิธีเชิงปริมาณ) โดยนักวิจัยจากวิทยาลัยสาธารณสุขฮาวาร์ด (Harvard School of Public Health) และมหาวิทยาลัยการแพทย์จีน ในเมือง Shenyang ได้ทำการศึกษางานวิจัยทั้งหมด 27 ชิ้น ซึ่งพบข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าฟลูออไรด์อาจมีผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก จากการค้นพบนี้ ผู้เขียนได้กล่าวว่าความเสี่ยงนี้ไม่ควรถูกละเลยเพิกเฉย และควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของฟลูออไรด์ต่อพัฒนาการทางสมองให้มากขึ้น

งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ออนไลน์ใน Environmental Health Perspectives เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2012 งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาแบบทบทวนวรรณกรรม (หมายถึงเอาผลลัพธ์ของงานวิจัยอื่น ๆ มาวิเคราะห์รวมกัน ไม่ได้ลงไปเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง) และไม่เคยมีการศึกษาวิจัยการใช้ฟลูออไรด์กับมนุษยด้วยวิธีแบบนี้มาก่อนในสหรัฐอเมริกา
ผู้วิจัยได้ทำการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวกับเด็กที่ได้รับฟลูออไรด์จากน้ำดื่มในประเทศจีนด้วยการวัดระดับ IQ กับเด็กนักเรียนจีนมากกว่า 8,000 คน และจากงานวิจัยทั้งหมด (ยกเว้น 1 ชิ้น) ที่บ่งชี้ว่าระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์ในน้ำมีผลกระทบในทางลบต่อการพัฒนาสติปัญญาของเด็ก

ในรายงานได้เปิดเผยค่าเฉลี่ยของการสูญเสีย IQ ที่เป็นค่าระดับมาตรฐานอยู่ที่ 0.45 ซึ่งจะเทียบเท่ากับระดับคะแนน IQ ประมาณ 7 คะแนนสำหรับการค่าคะแนน IQ ที่ใช้โดยทั่วไปโดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 15 ในงานวิจัยบางชิ้นยังระบุว่าการที่เด็กได้รับฟลูออไรด์เพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวก็อาจเป็นพิษต่อสมองได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มเด็กที่อยู่ในพื้นที่ที่มีระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์สูงมีค่าคะแนน IQ น้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเด็กที่อยู่ในพื้นที่ที่มีระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์ต่ำกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ กลุ่มเด็กที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้มีอายุจนถึง 14 ปี แต่ผู้วิจัยก็มีข้อสงสัยว่าผลกระทบของสารพิษต่อพัฒนาการทางสมองน่าจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว และส่งผลทำให้สมองไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อย่างเต็มที่จากการได้รับพิษดังกล่าว
"ฟลูออไรด์ดูเหมือนจะเป็นตัวดูดซึมสารปรอทและสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นพิษต่อสารเคมีในสมอง" Grandjean กล่าว "ผลกระทบของสารพิษแต่ละชนิดอาจจะดูเล็กน้อย แต่ระดับความเสียหายในระดับประชากรนั้นร้ายแรง โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่เป็นพลังสมองของคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของเราทุกคน"

ผู้วิจัย
- Philippe Grandjean ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม จากวิทยาลัยสาธารณสุขฮาวาร์ด
- Anna Choi, นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม จากวิทยาลัยสาธารณสุขฮาวาร์ด

-----------------------------------------------------------------



บทความภาษาไทยเกี่ยวกับงานวิจัยของฟลูออไรด์กับผลกระทบด้านสมอง ในนิตยสาร Way Magazine

----------------------------------------------

คลิปนี้เป็นการพิจารณาคดีรัฐสภาในวันที่ 8 ก.ย. 2004 ระหว่าง FDA และ CDC ที่สมาชิกสภากำลังสอบถามตัวแทนจาก FDA ว่าเหตุใดถึงมีการผสมสารปรอทลงในวัคซีน แถมยังไม่มีการศึกษาผลกระทบของมันมาตั้งแต่ปี 1929

Mercury Thimerosal in Vaccines Congressional Hearing with CDC

ข้อมูลในรายละเอียดของคลิปเขียนไว้ว่า
มีงานศึกษาเพียงชิ้นเดียวในปี 1929 โดยบริษัท Eli Lilly and Company ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิบัตร Thimerosal (สารปรอท) พวกเขาทำการทดสอบสารปรอทกับผู้ป่วย 22 รายที่มีอาการไขสันหลังอักเสบ และผู้ป่วยทั้ง 22 รายทั้งหมดเสียชีวิต ข้อมูลจาก PubMed -  ศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ, 2548

--------------------------------------
คลิปผลกระทบร้ายแรงจากการปล่อยสารพิษปรอทลงอ่าวโดยโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดมินามาตะ ประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่คลิปโดย สถาบันการแพทย์ช่องปากและพิษวิทยานานาชาติ

The devastating effects of mercury poisoning that occurred in Minamata Japan
https://youtu.be/MSKdkssJ6I0

----------------------------------------

ฝรั่งมักจะโพสคลิปนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าเมื่ออลูมินัมเจอกับสารปรอทมันมีปฎิกริยาที่น่ากลัวมาก และไม่ปลอดภัยกับร่างกายแน่นอน ซึ่งแอดก็ไปค้นคว้าเพิ่มเติมก็พอจะเข้าใจว่าฟลูออไรด์มีความสามารถในการนำพาสารปรอทไปสู่สมองได้ (อย่างที่ Philippe Grandjean กล่าวไว้ในบทความด้านบน) และ Amalgam ที่เป็นวัสดุอุดฟันสีเงินที่ทันตแพทย์ใช้ก็คืออลูมินัม+สารปรอทอย่างที่ในคลิปนี้อธิบาย


Aluminum and Mercury

-------------------------------------------------


"The Facts About Amalgam, Mercury and Fluoride" [Holistic Dentist Brisbane]

จากคลิปนี้ทันตแพทย์ Dr. Rachel จากประเทศออสเตรเลียอธิบายถึงการใช้ฟลูออไรด์ในการทำฟันว่ามันมีผลอย่างไรบ้าง และคุณหมอบอกว่าสิ่งที่คุณหมอถูกสอนมานั้นผิดหมด ที่สอนกันว่าฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ ฟลูออไรด์ช่วยป้องกันการเกิดหินปูน และอื่น ๆ คุณหมอบอกว่าเรื่องที่สอนกันในหลักสูตรทันตกรรมแทบจะผิดทั้งหมด อย่างเช่นว่า สารปรอทที่อยู่ในวัสดุอุดฟันมันสามารถรั่วไหลออกมาได้ ฟลูออไรด์ทำให้แบคทีเรียในช่องปากเราป่วย และมันก็ทำให้เราป่วยด้วยเหมือนกัน ถ้าเราฆ่าแบคทีเรียตัวที่ดีในช่องปากมันก็จะทำให้แบคทีเรียตัวร้ายเจริญเติบโต เจ้าแบคทีเรียตัวร้ายก็คือสาเหตุของโรคเกี่ยวกับเหงือก เราสามารถฆ่ามันได้ด้วยการใช้ออกซิเจน หรือมีวิธีอื่นที่จะไม่ทำอันตรายกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย สิ่งที่เราควรเข้าใจก็คือการเป็นพิษกับร่างกายในเรื่องของการทำทันตกรรม ไม่ใช่แต่สนใจเฉพาะเรื่องในเชิงการฝีมือ หรือเฉพาะการจัดการเท่านั้น เราควรสนใจเรื่องผลข้างเคียงทางการแพทย์ของมันด้วยที่เราควรระวัง

(นาทีที่ 7.05)
ในการทำฟันเรายังใช้และสอนเด็กรุ่นใหม่ให้ใช้ Amalgam (หมายถึงวัสดุอุดฟัน) ถึงแม้เราจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมีสารปรอทและสารปรอทมันสามารถรั่วไหลออกจากที่อุดฟันเข้าไปในร่างกาย เราต่างก็รู้ว่าสารปรอทเป็นพิษและมีพิษสูงมาก มันเป็นโลหะหนักที่ไม่ปลอดภัยสำหรับร่างกาย แล้วทำไมพวกเราทันตแพทย์ถึงต้องใช้มันล่ะ ทำไมเราถึงบอกว่ามันปลอดภัยกับคนไข้ของเรา และสาเหตุที่เรายังใช้มันอยู่เพราะเราหลอกตัวเองด้วยการเรียกมันว่า silver fillings (วัสดุอุดฟันสีเงิน) แล้วทำไมเราไม่เรียกมันตามที่มันเป็นก็คือ Mercury fillings (วัสดุอุดฟันสารปรอท)

(นาทีที่ 14.06)
คุณหมอพูดถึง American Dental Association ที่เป็นสมาชิกใน CDC (Centers for Disease Control หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา) เกี่ยวกับด้านทันตกรรมอยู่ 35 คน บอกว่าพวกเขามีทางออกสำหรับการป้องกันฟันผุด้วยการเติมสาร Silicon Fluoride ลงในน้ำประปา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีผลอะไรกับสุขภาพในช่องปากเลย และมันทำลายสารเคลือบฟัน และทำให้ฟันเป็นดวง ๆ ที่เรียกว่า fluorosis ในความเห็นของหมอบอกว่าโปรแกรมนี้มันหลอกลวง มันเป็นโปรเจ็คที่ได้รับทุนสนับสนุนประจำปีให้กับบริษัทผลิตน้ำโดยที่พวกเขาถูกบอกว่ามันเป็นทางเดียวที่จะป้องกันฟันผุได้ แต่ฉันขอบอกอีกครั้งนึงว่าสิ่งที่เราถูกสอนกันมามันผิด แต่คุณหมอต่างก็กลัวที่จะทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม (ก่อนหน้านี้นาทีที่ 13.20 คุณหมอพูดเกี่ยวกับวิทยาลัยทันตกรรม แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค บอกว่าทางสาขาพยายามที่จะเลิกสอนการใช้วัสดุสารปรอทในการอุดฟัน แต่ก็โดน American Dental Association ขู่ว่าจะถอดถอนใบรับรองหากพวกเขาเลิกสอนให้ใช้สารปรอทอุดฟัน)

------------------------------------------------

เมื่อเร็ว ๆ นี้ในต่างประเทศมีข่าวว่าพบสารโลหะหนักในอาหารเด็ก จากการศึกษาอาหารตัวอย่าง 68 รายการ พบว่ามีสารตะกั่ว สารหนู แคดเมียม และสารปรอท ซึ่งมีผลทำให้การพัฒนาสมองของเด็กเสียหาย 

Toxic metals found in baby food, report says
https://youtu.be/RRtneD3u6fo

อาหารเด็กจากแหล่งผลิตใหญ่ ๆ 68 รายการได้ถูกนำมาตรวจสอบและพบว่า 95% มีสารตะกั่ว 73% มีสารหนู 75% มีแคดเมียม และ 32% มีสารปรอท ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการด้านสมองของเด็ก
--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น