วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

74) มนุษย์ต่างดาว..กับ..ศาสนาแห่งโลกยุคใหม่ Alien & New World Religion

มนุษย์ต่างดาว..กับ..ศาสนาแห่งโลกยุคใหม่
Alien & New World Religion

 


       นอกจากไอนสไตน์จะสนับสนุนยิวไซออนิสต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการ New World Order แล้ว Dr. Robert Sungenis เคยกล่าวไว้ในบรรยายของเขาว่า “ไอนสไตน์เป็นคนที่ต่อต้านคริสต์ตัวยง”  และ Freeman John Dyson FRS  กล่าวว่า “ไอนสไตน์คือพวกบูชาวิทยาศาสตร์ขั้นรุนแรงและเขาก็พูดชัดเจนว่าสำหรับเขานั้นวิทยาศาสตร์คือศาสนา”  


       
ไอนสไตน์ได้กล่าวเกี่ยวกับศาสนาวิทยาศาสตร์ของเขาว่า 
ศาสนาแห่งอนาคตจะเป็นศาสนาจักรวาล (Cosmic Religion) ซึ่งจะอยู่เหนือพระเจ้าตามความเชื่อส่วนบุคคล จะไม่ใช่คำสอนแบบสำเร็จรูป (ที่สอนให้เชื่อฟังเพียงอย่างเดียว) และไม่ใช่ศาสนาแบบเทววิทยา (ที่ต้องพึ่งพาพระเจ้า)..." 


       เขาได้อธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า “Cosmic Religion คือการปล่อยให้จิตใจให้ล่องลอยไปตามผลงานการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์” เขามองพระเจ้าตามความเชื่อส่วนบุคคลว่าเป็นนิยายแฟนตาซี เขาจึงไม่เห็นคุณค่าในการร้องขอจากนักบวชหรือผู้รู้ แม้นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนเป็นเอทิสท์ และแม้ไอนสไตน์จะเป็นยิว แต่เขาก็ยืนยันว่าตัวเขาไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า เพียงแต่พระเจ้าของเขาไม่ใช่พระเจ้าในกลุ่มศาสนาอับราฮัม (ยูดาย คริสต์ อิสลาม) ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์และเอทิสท์หลายคนกล่าวยอมรับความคิดนี้ เช่น  ริชาร์ด ดอว์คินส์ นักชีววิทยาและนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า “เขาจะยอมรับในพระเจ้าของศาสนาจักรวาล” 
ดู 
https://manyworlds.space/2016/01/15/einstein-cosmic-religion-and-me/

 

      แล้วพระเจ้าที่วิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ขึ้นจะหมายถึงพระเจ้าแบบไหน ?

 

       ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้น Wernher Von Braun ผู้ก่อตั้ง NASA จะพัฒนาจรวดด้วยแรงบันดาลใจในการขึ้นไปสู่สวรรค์ แต่น่าสนใจเมื่อเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 1977 แผ่นหินเหนือหลุมศพของเขาได้เลือกใช้ตัวบทจากไบเบิล Psalm 19:1 ที่มีความหมายว่า “สรวงสวรรค์ประกาศความเกรียงไกรของพระเจ้า และท้องนภา (Firmament)คือความเมตตาในหัตถกิจของพระองค์”  ซึ่ง Firmament เป็นคำที่ใช้อธิบายท้องฟ้ารูปโดมอันแข็งแกร่งของโมเดลโลกแบน การเลือกใช้ตัวบทนี้ราวกับเขาพยายามบอกเป็นนัยว่า ชั้นฟ้าเบื้องบนไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจ และการออกสู่อวกาศนั้นเป็นไปไม่ได้

 

       4 ปีก่อน  Wernher Von Braun จะเสียชีวิตเขาพยายามเตือนเพื่อนร่วมงานอย่าง Dr. Carol Rosin อยู่หลายครั้งถึงเรื่องลวงโลกนี้ เธอได้เล่าเรื่องที่  Wernher Von Braun สั่งเธอว่า “แครอลคุณต้องหยุดโครงการอาวุธอวกาศเดี๋ยวนี้ เพราะโครงการนี้ตั้งอยู่บนเรื่องโกหก  กลยุทธแรกที่จะถูกนำมาใช้อ้างในการทำโครงการนี้คือ ต่อต้านการขยายอณาจักรของรัสเซีย แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันการก่อการร้าย แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันประเทศจากสงครามโลกที่ 3 แล้วจะอ้างว่าเพื่อป้องกันอุกกาบาต และไพ่ใบสุดท้ายที่จะถูกนำมาอ้างคือ เพื่อป้องกันการรุกรานจากต่างดาว ทั้งหมดนี้คือ ข้ออ้างในการผลาญเงินนับล้านล้านดอลล่าร์เพียงเพื่อเรื่องโกหกเท่านั้น”  และเมื่อ Dr. Carol Rosin พยายามค้นจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เธอก็พบว่า  Wernher  Von Braun  พยายามบอกความจริงกับเธอมาโดยตลอด

ดู : https://www.youtube.com/watch?v=WruCxsh8mfw&feature=youtu.be



       อดีตประธานาธิปดี Ronald Reagan เคยกล่าวในสภาว่า “ในขณะที่เรากำลังหมกมุ่นเรื่องลัทธิต่างๆ เรามักหลงลืมว่าเราเคยเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นไรในความทรงจำของมนุษยชาติ บางทีเราอาจต้องการการรุกรานระดับจักรวาลเพื่อให้ระลึกถึงความสัมพันธ์นี้ บางครั้งผมก็สงสัยว่าความขัดแย้งที่มันเกิดขึ้นทั่วโลกจะหายไปได้เร็วขนาดไหนถ้าเราต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานที่มาจากนอกโลก ซึ่งผมจะขอถามคุณว่า มันไม่ใช่เพราะความแปลกแยก (Alien)ระหว่างเราหรอกหรือในตอนนี้ (ที่ทำให้เกิดความแตกแยกกันได้ขนาดนี้) แล้วอะไรที่จะหมายถึงปฏิบัติการจากความแปลกแยก (Alien)ระดับจักรวาลจริงๆ ที่จะมาทำสงคราม มันคือสงครามการรุกรานจากต่างดาว
ดู 
https://www.youtube.com/watch?v=MAAHgAuti84&feature=youtu.be


       Paul Hellyer วิศวกรชาวแคนาดา นักเขียน นักการเมือง นักวิจารณ์ และเป็นสมาชิกสภาองคมนตรีแคนาดาก็ให้สัมภาษณ์คล้ายกันว่า “มันเป็นส่วนหนึ่งของเกม พวกเขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเรา แต่บอกเพียงสิ่งที่เขาคัดเลือกแล้ว และเป็นความจริงที่ทำให้เราสบายใจ เพียงพอที่จะทำให้เรายอมรับว่ามันมีปัญหาบางอย่างและเราต้องการงบเพิ่ม...ซึ่งมันเป็นเพียงปัญหาที่อยู่ในจินตนาการว่ามีบางอย่างที่เราต้องกลัวเกี่ยวกับการรุกรานจากต่างดาว ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาต่างหากที่เป็นปัญหาที่กำลังพยายามทำตามแผน New World Order
ดู 
: https://www.youtube.com/watch?v=l_6WXZ7OFTw&fbclid=IwAR1fhJdKkgc7TaSI

wgnpYMTIG1rRByH4s2fm_gz6GAt44LsCSwTOXyCkCpk


       ในปัจจุบันมีสิ่งที่เผยให้เห็นแผนการนี้ชัดเจนขึ้น โดยในเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมาทางเพนทากอนของสหรัฐได้เผยภาพ UFO อย่างเป็นทางการ และไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นนายทาโร โคโนะรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นก็ออกมาประกาศเตรียมกำหนดข้อปฏิบัติในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับ UFO

ดู : https://mgronline.com/japan/detail/9630000044563




มนุษย์ต่างดาวจะนำไปสู่ 
New World Religion ได้อย่างไร ?

 

“เรากำลังอยู่ที่ปากเหวของการเปลี่ยนแปลงของโลก สิ่งเดียวที่เราต้องการคือวิกฤติการครั้งใหญ่ แล้วทุกชาติก็จะยอมรับ New World Order” 

David Rockefeller


       Project Blue Beam คือแผนการที่จะฉายภาพโฮโลแกรมอันตระการตาบนท้องฟ้าเพื่อ ให้คนทั้งโลกได้เห็นภาพการรุกรานจากต่างดาว(Alien Invasion) และการเสด็จลงมาช่วยเหลือโดยพระเจ้าจากต่างดาว (Alien Savior) แต่ความจริงแล้วมันคือพระเจ้าจอมปลอม (ซึ่งก็คือแอนตี้ไครส์ของโปรแตสแตนท์ / ดัจญาลตาเดียวของมุสลิมนั่นเอง) โดยในปี 1994 Serge Monast นักเขียนชาวแคนาดาได้ตีพิมพ์หนังสือ Project Blue Beam ซึ่งเป็นโครงการที่ NASA ร่วมมือกับสหประชาติ UN เพื่อนำคนทั้งโลกออกจากศาสนาของตัวเองและพาพวกเขาเข้าสู่ศาสนายุคใหม่ที่เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการตั้งรัฐบาลโลกตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) หากไม่มีความเชื่อสากลของศาสนายุคใหม่ ความสำเร็จของการจัดระเบียบโลกใหม่ก็จะเป็นไปไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่โครงการบลูบีมมีความสำคัญ มันจึงถูกซ่อนไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแผนการของบลูบีมจะกระทำผ่าน 4 ขั้นตอน คือ

 

       ขั้นที่ 1. Engineered Earthquakes & Hoaxed 'Discoveries' สร้างแผ่นดินไหวเทียมที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้เกิดขึ้นในจุดที่กำหนดไว้เพื่อทำลายองค์ความรู้ที่เรามีอยู่ แล้วเผยการค้นพบใหม่อันลวงโลกที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดีจะเข้าไปศึกษาข้อมูลในจุดที่เกิดแผ่นดินไหว แล้วข้อมูลนั้นจะถูกนำมาเผยแพร่ในแบบที่จะทำให้ทุกศาสนิกเชื่อว่าหลักคำสอนทางศาสนาของพวกเขาเข้าใจผิดและตีความเกี่ยวกับพระเจ้าผิดๆมานานหลายศตวรรษ

       Fr.Giuseppe Tanzenlla-Nitti ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวาติกันได้กล่าวว่า “ในไม่ช้าเราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความศรัทธาในศาสนาคริสต์ของเรา แต่จะมีข้อมูลที่มาจากโลกอื่นซึ่งเมื่อมันได้รับการยืนยันเราจำเป็นต้องตีความคำสอนของพระเยซูกันใหม่”  


       มันคือแผนการทำลายรากฐานความเชื่อเดิมเพื่อที่จะสร้างความเชื่อใหม่ได้อย่างง่ายดาย และจะสั่นคลอนความศรัทธาเดิมของชาวคริสต์และมุสลิม เหตุที่ Serge Monast กล่าวถึงคริสต์และมุสลิมเป็นการเฉพาะ เพราะมีเพียง 2 ศาสนานี้ที่กล่าวเตือนการล่อลวงของแอนตีไครส์/ดัจญาล (ซึ่งก็คือ False Prophet / False Messiah / False God) ในขณะที่ศาสนาอื่นที่กำลังรอคอยพระผู้ช่วยเหลือ (Messiah) กันอยู่ แต่กลับไม่ได้เตือนการมาของพระผู้ช่วยเหลือตัวปลอม (False Messiah) ศาสนิกเหล่านั้นจึงคล้อยตามพระเจ้าจอมปลอมได้อย่างง่ายดาย


            “อ่านริมฝีปากของฉัน...ความกลัวมักถูกใช้โดยชนชั้นสูงผู้มีอำนาจในการควบคุมและปราบปรามมวลชน”   George Bush

 

       ขั้นที่ 2. The Big Space Show in the Sky คือการใช้ความกลัวเพื่อนำเราไปสู่ศาสนาแห่งโลกยุคใหม่ โดยการสร้างภาพโฮโลแกรมและเสียงแล้วฉายภาพเลเซอร์ไปที่ท้องฟ้าในส่วนต่างๆของโลกว่าโลกกำลังถูกรุกรานจากต่างดาวซึ่งจะทำให้เกิดความหวาดกลัว ระส่ำระส่ายทั่วทั้งโลก โดยมีภาพยนตร์มากมายเกี่ยวกับการโจมตีจากต่างดาวทั้ง ID4Avatar, Star War, Superman, Guardians of the Galaxy, ฯลฯ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะหากคนทั้งโลกไม่รู้จักมนุษย์ต่างดาว หรือไม่เคยรับรู้ถึงเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน ทุกอย่างย่อมไม่เป็นไปตามแผนที่พวกเขาวางไว้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ถึงได้ประดิษฐ์ทฤษฎีต่างๆขึ้นมาเพื่อปูฐานความเชื่อสู่เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้



       ซึ่งความหวาดกลัวจากการรุกรานโดยมนุษย์ต่างดาวในครั้งนี้จะนำทั้งโลกไปสู่การร้องขอความช่วยเหลือจากต่างดาว Brother Guy Consolmagno ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหอดูดาวของวาติกัน (Vatican Observatory) และยังเป็นที่รู้จักในนามนักดาราศาสตร์ของโป๊ป (the Pope's  Astronomer) กล่าวว่า ในไม่ช้าชนชาติต่าง ๆ ทั่วโลกจะต้องมองหาความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว  และด้วยเหตุผลนี้เองที่คริสต์บางกลุ่มพยายามชวนเชื่อว่าพระเยซูเป็นเผ่าพันธุ์จากต่างดาว เพราะต้องการนำคนทั้งโลกเข้าสู่การยอมรับพระเจ้าจากต่างดาวนั่นเอง



       ขั้นที่ 3. ใช้โฮโลแกรมทำให้ผู้คนเห็นปาฏิหาริย์ที่เกินจะจินตนาการได้ และเห็นนิมิตปลอมเป็นเทพต่างๆ เป็นพระผู้ช่วยเหลือ (Messiah) ของศาสนาต่างๆ และกล่าวเป็นภาษาต่างๆที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ เช่นอ้างว่าเป็น...

            - Alien God, Alien Savior  เมื่อไปยังเอทิสท์,  ผู้ไม่นับถือศาสนา
            - 
Sun God, สุริยเทพ           เมื่อไปยัง Pagan เช่น พราหมณ์-ฮินดู, กรีก-โรมัน
            - พระศรีอาริยเมตไตรย         เมื่อไปยังชาวพุทธ
            - เยซู,
 Son of Star Child    เมื่อไปยังคาทอลิก
            - ศาสนทูตของพระเจ้า         เมื่อไปยังมุสลิม, โปรแตสแตนท์
            - อีหม่ามมะฮฺดี                    เมื่อไปยังชีอะฮฺ
            - มะเชียะอิลยา                    เมื่อไปยังชาวยิว

 

       จากนั้นทุกองค์ที่เราเห็นบนท้องฟ้าจะพูดอย่างเดียวกันว่า แท้จริงแล้วพระเจ้าในแต่ละศาสนาคือองค์เดียวกัน  โดยมันจะออกมาพร้อมความช่วยเหลือในยามที่โลกเราเเร้นแค้นที่สุด เมื่อผู้คนหลงไหลคล้อยตามในความช่วยเหลือครั้งนี้ ทั้งโลกจะเข้าสู่การน้อมรับแอนตี้ไครส์/ดัจญาลในฐานะพระผู้ช่วยเหลือ(Messiah)หรือพระเจ้าจอมปลอมตามแผนการ One World Religion ที่ได้วางไว้ ซึ่งมันคือสิ่งที่อัลเบิร์ต ไพค์หมายถึงว่า  “...จากนั้นภายใต้สิ่งนี้ศาสนาคริสต์ในทุกคณะนิกายและผู้ที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าก็จะถึงซึ่งกับความพินาศ อันดูเสมือนว่าจะเป็นการได้รับชัยชนะแต่กลับกลายเป็นการถอนรากถอนโคนและทำลายจนสูญสิ้นในเวลาเดียวกัน"

 

       ขั้นที่ 4. Artificial Thought & Communication ใช้คลื่นความถี่ต่ำ ELF, VLF และ LF ที่จะเข้าถึงแต่ละคนและโน้มน้าวจากภายในใจของเขาเอง ให้ผู้คนคิดว่านี่คือเสียงที่พระเจ้าส่งมาพูดกับพวกเขาราวกับพวกเขาได้รับวิวรณ์โดยตรงจากพระเจ้า เทคโนโลยีชนิดนั้นเข้าสู่การวิจัยในทศวรรษ 1970 โดยใช้สมองของมนุษย์ไปเทียบกับระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะดำเนิน การควบคุมจิต (Mind Control) คนทั้งโลกสู่ New World Order

ดู : Project Blue Beam : The 4 Steps to Global Domination  

http://educate-yourself.org/cn/projectbluebeam25jul05.shtml?fbclid=IwAR1UBlzfhriP6XHd_wgucvpJKkSaacwGB4rNKX1wgCFBRJ1pwWvungEkmEQ

ดู : https://m.youtube.com/watch?v=pyQv18_hiTs&feature=youtu.be

 

       จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่า

            1) “โลกคือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง, ดวงดาวคือดวงอาทิตย์และมีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบดาวเคราะห์อื่นๆมีองค์ประกอบเหมือนโลก, NASA ค้นพบดาวเคราะห์ที่มีน้ำทฤษฎีบิ๊กแบง, ทฤษฎีวิวัฒนาการ”...สิ่งเหล่านี้ มันคือองค์ประกอบสู่การยอมรับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
            2) “โลกแบนคือดินแดนแห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่ใด”...เป็นการปฏิเสธสมมติฐานเหล่านั้นทั้งหมดเพราะเชื่อว่าดาวต่าง ๆ เป็นเพียงพลาสม่า ไม่มีบิ๊กแบง ไม่มีวิวัฒนาการ NASA โกหก จึงเป็นการปฏิเสธมนุษย์ต่างดาวและการชวนเชื่อเรื่องอวกาศไปโดยปริยาย
            3) “พระเจ้าจากต่างดาว/ 
Alien God  มีรากความเชื่อจาก “เทพเจ้าแห่งดวงดาว/Anunnaki” ที่มีมาตั้งแต่จากยุคบาบิโลน ซึ่งภาพนี้สื่อถึงความเชื่อยุคบาบิโลนที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี


         เพราะมันแสดงให้เห็นถึง
            - โลกคือดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์... (ซึ่งก็คือระบบศูนย์อาทิตย์/ Heliocentric แบบที่โคเปอร์นิคัสนำเสนอ)
            - มีนิบิรุ/ดาวของเทพเจ้า อยู่ไกลออกไปจากระบบสุริยะ...(ซึ่งก็คือ Planet X ที่ NASA กำลังค้นหา)
            -อะนุนนาคี/พระเจ้าจากต่างดาวที่มีร่างสูงใหญ่และนั่งอยู่บนเก้าอี้...(ซึ่งก็คือ 
Alien God/มนุษย์ต่างดาว) 
       นอกเหนือจากภาพนี้...

            - อะนุนาคียังใช้ Star Gate เดินทางมาสู่โลก...(ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์ทฤษฎีรูหนอน/ Worm Hole มาสร้างความเป็นไปได้ให้กับ Star Gate แล้ว)
            - นัมรูด/กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ต้องการขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อที่จะตั้งชื่อสวรรค์ตามที่เขาต้องการ จึงได้เชิญชวนผู้คนมาสร้างหอคอยบาบิลโดยตั้งชื่อตามชื่อเมืองบาบิโลนที่แปลว่า 
Gate of Heaven...(ซึ่ง NASA
 ก็ได้สร้างจรวดด้วยแรงบันดาลใจว่า จรวดจะปลดปล่อยมนุษย์จากโซ่ตรวนของแรงโน้มถ่วง ซึ่งยังผูกเขาไว้กับโลกใบนี้ มันจะเปิดประตูแห่งสวรรค์/Gates of Heaven ให้เขา )

ดู  NASA and the Spirit of Babel,  Space X and Tower of Babel, The Tower of Babel Among Us


       จะเห็นว่าศาสนา New World Religion จะไม่สมเหตุสมผลเลยถ้าไม่มีวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ที่คอยประดิษฐ์ทฤษฎีต่าง ๆ มาสนับสนุน และหากศึกษาเพิ่มเติมจะพบว่า “บาบิโลนคือรากฐานของ New World Order  และสิ่งต่างๆที่เคยเกิดในยุคบาบิโลนกำลังจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในยุค New World Order (สามารถศึกษาประเด็นนี้ได้จากหนังสือ Two Babylons โดย Alexander Hislop)


       ทั้งหมดนี้คือคำเตือนจากโซโลมอนที่ได้กล่าวไว้ อะไรที่เคยเกิดขึ้นแล้วจะเกิดขึ้นอีก อะไรที่เคยทำไปแล้วจะกลับมาทำอีก ไม่มีสิ่งใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์” (ไบเบิล Ecclesiastes 1: 9) เพราะประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดแล้วจะวนกลับมาซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ 




       เนื่องจากการเชื่อว่า “โลกกลมคือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง” แล้วก็ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปตามผลงานทางวิทยาศาสตร์

.......มันคือฐานสู่การยอมรับ Alien God ซึ่งก็คือไพ่ใบสุดท้ายสู่การยอมรับพระเจ้าจอมปลอมของ New World Religion   


       แต่การเชื่อว่า “โลกแบนคือดินแดนแห่งหนึ่ง” แล้วยึดมั่นในคัมภีร์อย่างเหนียวแน่น
.......จะทำให้เรารู้ทันแผนการล่อลวงของ New  World Order ได้อย่างง่ายดาย


       ดังนั้น เพื่อจะรอดพ้นจากการล่อลวงครั้งใหญ่นี้ (Great Deception) ที่ศาสนทูตต่างๆได้พยายามเตือนเรามาตลอด

.......จะเลือก “โลกกลม” ตามที่วิทยาศาสตร์กำลังชวนเชื่อ    
.......หรือเลือก “โลกแบน” ตามที่คัมภีร์ต่างๆได้กล่าวถึง

.......มันเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้   


------------------------------------------------------------------------------------------ 

ตอนที่ 1 วิทยาศาสตร์ยุคใหม่...กับนัยที่ซ่อนเร้น

ตอนที่ 2 ระบบ Heliocentric กับลัทธิ​ Lucifer​ian และ New​ World​ Order​


ตอนที่ 3 สัณฐานโลก..กับ..มนุษย์ต่างดาว