ในคลิปอธิบายจุดเริ่มต้นของเรื่องมันเกี่ยวกับเรื่องควบคุมประชากรที่เป็นความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งมาตั้งแต่สมัยเพลโตและอริสโตเติลในยุคกรีก ตกทอดมายังทฤษฎีของดาร์วินที่มีคอนเซ็ปต์ว่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะอยู่รอด และญาติของดาร์วิน ชื่อ Sir Francis Galton มีความเชื่อในทฤษฎีนี้มากและนำเสนอมันออกมาเป็นทฤษฎี Eugenic (คอนเซ็ปต์คือการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ดีไว้ มนุษย์ที่เกิดมาไม่สมบูรณ์ สุขภาพไม่ดีก็จะถูกกำจัดทิ้ง)
Eugenic มาจาก Eugenes (ยูเจนิส) เป็นคำภาษากรีกแปลว่า noble birth หมายถึงการเกิดของชนชั้นสูง และฮิตเลอร์ก็เชื่อในทฤษฎีนี้และนำเอามาใช้จริงโดยการกำจัดมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ นโยบายการวางแผนครอบครัวในอเมริกา (หมายถึงการทำแท้งได้ถูกต้องตามกฎหมาย) ถูกนำเสนอโดย Magaret Sanger (ย่าของบิล เกตส์) และฮิตเลอร์ได้รับการช่วยเหลือจากประธาน IBM คือ Thomas Watson ในการสร้างเครื่อง Punched Card บัตรอ่านโปรแกรม ที่เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเข้ารุกรานประเทศโปแลนด์
บิล เกตส์ก็คือทายาทของสองตระกูลนี้ (Sanger และ Watson) ที่รับช่วงต่อความเชื่อนี้และตั้งมูลนิธิที่ให้การสนับสนุนการฉีดวัคซีนและการควบคุมประชากร มูลนิธิที่เขาและ Melinda Gates ก่อตั้งก็ให้ทุนกับ 4 องค์กรด้านสุขภาพของโลกคือ NIH, UN, WHO, CDC และเขาก็ให้สัมภาษณ์ครั้งนึงว่า "สังคมจะกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างปกติอีกครั้งหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อเราต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโคโรน่าไวรัสแล้ว" ความสัมพันธ์ของบิล เกตส์กับกรณีการแพร่ระบาดของ Coronavirus มีตามนี้
1) Dr. Anthony S. Fauci ประธาน NIAID ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิของบิล เกตส์ ออกมาพูดเมื่อม.ค. 2017 ว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างไม่คาดฝันในช่วงวาระของประธานาธิบดีทรัมป์
2) Deborah L. Birx เป็นคณะกรรมการของกองทุนโรค AIDS และ โรคมาลาเรีย ซึ่งก่อตั้งโดยมูลนิธิของบิล เกตส์ เป็นที่รู้กันดีว่ามีการใช้เงินในกองทุนอย่างเละเทะ
3) มูลนิธิของบิล เกตส์ได้มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อทำ simulation ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Coronavirus ว่าจะมีประชาชนตายมากเป็นจำนวนถึง 65 ล้านคน
4) พ.ย. 2013 สถาบัน The Pirbright Institute ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิของบิล เกตส์ ได้จดสิทธิบัตรวัคซีน Coronavirus ที่อาจจะได้ใช้กับมนุษย์ไว้ (เป็นสิทธิบัตรเฉพาะในทวีปยุโรป) เลขทะเบียน EP 3 172 319 B1
5) Dr. Anthony S. Fauci ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไวรัสจะกลับมาอีก และทางออกคือเราต้องมีวัคซีนใหม่ให้ได้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียก็บอกว่าการฉีดวัคซีนเท่านั้นที่จะเป็นทางออกของเรื่องนี้
6) ที่จริงแล้วไม่มีข้อพิสูจน์ใดที่จะบอกได้ว่าวัคซีนจะเป็นทางออกของเรื่องนี้ CDC ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกาก็ออกมายอมรับกับศาลเองว่าไม่มีการศึกษา/งานวิจัยที่จะบอกว่าวัคซีนเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคออทิสซึ่มโดยตรง (หมายถึงว่าถ้าไม่มีการศึกษาหรือมีงานวิจัยโดยตรงก็ไม่สามารถบอกได้ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคออทิสซึ่ม เรื่องนี้แอดเคยค้นกรณีงานวิจัยของฟลูออไรด์กับสมอง ก็เป็นแบบนี้คือในสหรัฐไม่มีงานวิจัยโดยตรง มีแต่บอกว่ามันทำให้ฟันแข็งแรง แต่ในจีนมีงานวิจัยชิ้นนึงที่ศึกษาผลข้างเคียงของการใช้ฟลูออไรด์กับสมอง ปรากฎว่ามันมีผลกระทบต่อกัน)
7) Dr. Soumya Swaminathan หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ WHO ออกมายอมรับว่าวัคซีนคือสาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้บางราย และกล่าวว่า UN จำเป็นต้องปรับปรุงการรายงานผลสาเหตุของการเสียชีวิตในหลาย ๆ ประเทศ
ในเอกสารสิทธิบัตรนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทดสอบ Coronavirus ในไก่ที่ฟักออกมาจากไข่ (ตอนที่ SARS ระบาดก็มาจากสัตว์ปีก) https://patents.google.com/patent/EP3172319B1/en
ตรงดัานล่าง ๆ มีผลการทดลองบอกว่ามีผลกับระบบทางเดินหายใจของไก่ตามนี้
- มีเสียงหวีด ๆ
- เสียงเปลี่ยน
- หายใจติดขัด
- โพรงไซนัสมีอาการบวม
- มีความผิดปกติในการเจริญเติบโต
- สุขภาพไม่ดีอ่อนแอ
---------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น