Planisphere ของรัชกาลที่ 4
ในปี 1975 ที่สหรัฐอเมริกามีคนจดสิทธิบัตรเครื่องมือที่เรียกว่า UNIVERSAL PLANISPHERE COMPLETE GUIDANCE AND COMPUTER SYSTEM (หมายเลข 3,858,334 ลงวันที่ Jan. 7, 1975) ผู้ประดิษฐ์ William A. Eisenhauer, Van Wert, Ohio ซึ่งสามารถใช้คำนวณเพื่อการดูดาวและใช้บอกตำแหน่งต่าง ๆ บนโลกได้ จะเห็นว่าในแบบที่ Eisenhauer ออกแบบไว้นั้น planisphere ใช้กับโลกที่มีลักษณะแบนและมีขั้วโลกเหนืออยู่ตรงกลาง (Fig.8)
นอกจากนั้นในรายละเอียดของสิทธิบัตรชิ้นนี้ยังอ้างอิงสิทธิบัตรอีกฉบับนึงของ Gleason (หมายเลข 497, 917 ของปี 1893) ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของ Alexander Gleason ที่เขาทำขึ้นเพื่อเป็น time chart บนแผนที่โลกแบนซึ่งใช้บอกเวลาได้ทุกประเทศทั่วโลก เคยเขียนรายละเอียดไว้ในบทความชิ้นนี้ https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/12/29-alexander-gleason-1893.html
ในหนังสือ "จดหมายเหตุดาราศาสตร์จากฝรั่งเศสเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ได้ระบุไว้ว่า "แผนที่โลกขนาดใหญ่ที่แคสสินีสร้างอยู่บนพื้นชั้น 3 ของหอดูดาวแปดเหลี่ยมทางด้านตะวันตกของกรุงปารีส ที่ซึ่งโกษาปานราชทูตสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเคยไปเยือนมาแล้ว" รายละเอียดขียนไว้ในนี้ https://flatearthmatters.blogspot.com/2018/07/blog-post.html
ในหนังสือเรื่องการทำแผนที่ที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ใช้มีชื่อว่า Map Projections - A Working Manual (U.S. Geological Survey Professional Paper 1395 เขียนโดย John D. Snyper (https://pubs.usgs.gov/pp/1395/report.pdf)
เป็นคู่มืออธิบายการทำ map projection ของอเมริกาที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1987 ในหน้าที่ 8 ได้อธิบายถึงการระบุตำแหน่งบนโลกโดยใช้การวัดเส้น longitude และ latitude นั้นเริ่มต้นมาจากนักดาราศาสตร์ชาวกรีกที่ชื่อว่า Hipparchus (ตั้งแต่ 2 ศตวรรษก่อนคริสตศักราช) และก็เป็นแนวคิดที่ Ptolemy ก็นำมาใช้ด้วยเช่นกัน
Map Projections - A Working Manual (U.S. Geological Survey Professional Paper 1395 by John D. Snyper
ตรงข้อความที่ขีดเส้นแดงระบุว่า "เป็นระยะเวลากว่า 2,000 ปีมาแล้วที่การวัดเส้น latitude บนโลกจะใช้วิธีการทางดาราศาสตร์ 2 วิธีคือ ในตอนกลางวันเราจะวัดมุมความสูงของดวงอาทิตย์กับเส้นขอบฟ้า ส่วนในตอนกลางคืนเราจะวัดมุมความสูงของดวงดาวโดยเฉพาะดาวเหนือ องศาของมุมที่เปลี่ยนไปจะบอกเวลา วัน และฤดูกาลได้ตามเส้น latitude ของตำแหน่งนั้น" "เครื่องมือที่ใช้ในการวัดมีหลายอย่าง เช่น cross-staff, astrolabe, back-staff, quadrant, sextant, and octant ซึ่งจะใช้ร่วมกับกล้องดูดาว"
astrolabe
back-staff
sextant
cross-staff
quadrant
octant
sextant ที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยในรัชการที่ 4
Astrolabe คืออุปกรณ์ที่ใช้ดูดาวและสามารถใช้เป็นอุปกรณ์นำทางด้วยการวัดมุมของดวงดาวกับพื้นที่บนโลก นอกจากนั้นมันยังช่วยบอกเวลา บอกฤดูกาล ใช้คำนวณการเคลื่อนที่ของดวงดาวได้ Astrolabe มีใช้มาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณระหว่างปี 220-150 BC (220 - 150 ปีก่อนคริสตศักราช) ก็เป็นเครื่องมือดูดาวที่ใช้กับโลกที่มีลักษณะแบน
Astrolabe proves Flat Earth
ทีนี้ในกรณีของโลกกลมที่ใช้ระบบจักรวาลแบบ Heliocentric ที่ดวงอาทิตย์ต้องโคจรไปในจักรวาลด้วยความเร็ว 240 กม./วินาที และโลกก็เคลื่อนที่ตามไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน ถามว่าด้วยการเคลื่อนที่เร็วขนาดนั้นและระยะเวลาผ่านไปเป็นพันปีแล้วแต่เรายังสามารถใช้ planisphere หรือ astrolabe ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นมาบนคอนเซ็ปต์ของโลกแบนที่อยู่นิ่ง ไม่เคลื่อนที่ได้อย่างไร??
Heliocentric Model
----------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น